วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

หิ่งห้อยและลำพู.... (2)


หิ่งห้อยและต้นลำพู (2)

ไปอ่านพบ เรียงถ้อยร้อยกรอง ท่านอาจารย์ฐะปะนีย์ นาครทรรพ
เรื่องหิ่งห้อยน้อยใจ
ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2547 อาศัยการเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนดัดดรุณี ฉะเชิงเทรา ที่ท่านเคยมาเป็นอาจารย์ใหญ่ขออนุญาตนำคำประพันธ์ของท่านมาเผยแพร่ในที่นี้

หิ่งห้อยน้อยใจนัก
ขาดคนรักคนเอ็นดู
เกาะกิ่งต้นลำพู
แสงริบหรี่ไม่มีแรง

หิ่งห้อยน้อยใจเหลือ
สุดแสนเบื่อกายมีแสง
เหตุใดใยแมลง
ตัวอื่นไซร้แสงไม่มี

หิ่งห้อยน้อยใจจริง
ยุงแสนหยิ่งร้องหวู่หวี
ฟังเพียงเสียงดนตรี
ทีเราไซร้ไม่มีเสียง

หิ่งห้อยอย่าน้อยจิต
ธรรมชาติคิดไม่ลำเอียง
แบ่งคุณสมบัติเพียง
แสงให้เจ้าเนาโลกา

เจ้ามีเครื่องชี้ทาง
ส่องสว่างแนวมรรคา
บินไปในวนา
มืดเพียงใดไม่หวั่นเกรง

สัตว์อื่นดาษดื่นไป
มีสัตว์ไหนเปล่งแสงเอง
จักจั่นที่ร้องเพลง
ก็แพ้เจ้าเขาขาดแสง

เจ้านี้ควรพอใจ
พรอำไพได้สำแดง
ความหมายประจักษ์แจ้ง
ดุจแสงธรรมนำชีวิต

ไปเถิดเจ้าหิ่งห้อย
บินล่องลอยไปทั่วทิศ
เปล่งแสงแฝงนิมิต
เตือนเด็กไทยให้ทำดี

หิ่งห้อยเลิกน้อยใจ
บินไหวไหวในราตรี
เปล่งแสงแรงเต็มที่
เพราะมันมีจุดมุ่งหมาย

เราหนอแสนพอจิต
แสงสถิตอยู่กับกาย
ไว้เตือนเพื่อนหญิงชาย
ให้แสวงซึ่งแสงธรรม...




...หิ่งห้อย...

หิ่งห้อยทั่วโลกมีประมาณ ๒,๐๐๐ ชนิด ในประเทศไทยมีประมาณ ๑๐๐ ชนิด พบในแหล่งป่าไม้เบญจพรรณและป่าชายคลองโดยเฉพาะที่ต้นลำพู ในประเทศอังกฤษเรียกหิ่งห้อยว่า “แมลงไฟ” หรือ fire fly บางประเทศ เรียก Lightning Bug หรือมวนฟ้าแลบ ประเทศไทยเรียกหิ่งห้อย บางถิ่น เรียก “ ถ่วงดับ“ ภาคอีสานเรียก “ แมงทิ้งถ่อน” เพราะมักพบแมลงนี้เกาะและกระพริบแสงอยู่ที่ต้นทิ้งถ่อน ในภาคกลางบ้างก็เรียกว่า “ทิ้งถ่วง “ ซึ่งเป็นการเพี้ยนเสียงมานั่นเอง

การเรืองแสงของหิ่งห้อยเรืองแสงเพื่อต้องการหาคู่ผสมพันธ์ หิ่งห้อยทั้ง ๒,๐๐๐ชนิด แต่ละชนิดมีวิธีส่งแสงสื่อสารไม่เหมือนกัน บางชนิดจะกระพริบช้าเร็วต่างกัน บางชนิดความเข้มของแสงต่างกัน
ตอนกลางวัน รุ่งเช้าใกล้สว่าง หิ่งห้อยจะบินหนีหลบซ่อนตัวอยู่ตามกองใบไม้ พงหญ้า กองวัชพืช หรือตามซอกเปลือกไม้ กาบต้นไม้ต่างๆที่ร่มรื่น ชื้นแฉะ ใกล้แหล่งน้ำและบริเวณที่ร่มรื่น
ตอนกลางคืน ตอนเย็นใกล้พลบค่ำ หิ่งห้อยจะบินออกมาจากแหล่งซ่อนตัวไป เกาะต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามชายน้ำ เช่น ต้นลำพู ต้นแสม ต้นโกงกาง ต้นโพทะเล ต้นทิ้งถ่อน เป็นต้น
ช่วงเป็นตัวเต็มวัยซึ่งสามารถกระพริบแสงที่ก้นของตัวเองให้เห็นหิ่งห้อยจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ ๑๐-๑๔วัน

สาเหตุที่หิ่งห้อยชอบเกาะที่ต้นลำพูมากที่สุดอาจเนื่องมาจาก
๑ .ต้นลำพูเป็นต้นไม้ประเภทไม้พุ่มมีใบมากลักษณะของผิวใบค่อนข้าง เรียบซึ่งเหมาะกับการยึดเกาะและยึดตัวหิ่งห้อยไม่ให้ร่วงหล่น เมื่อมีลมและฝน
๒.หิ่งห้อยเป็นแมลงที่กินน้ำค้างเป็นอาหารและต้นลำพูเป็นต้นไม้ที่มีใบมาก จึงมีน้ำค้างเกาะอยู่ที่ใบมากหิ่งห้อยจึงชอบ
๓. ต้นลำพูมีกลิ่นหอมจางๆอาจเป็นที่ชื่นชอบของหิ่งห้อย


เคยมีบันทึกของนักชีววิทยาชาวอเมริกันชื่อ H.M. SMITH ครั้งที่มาเยือนเมืองไทยในปี ๒๔๗๘ ว่า ในยามโพล้เพล้วันหนึ่งในฤดูร้อนขณะที่เขาล่องเรือไปตามลำคลอง ซึ่งริมฝั่งเป็นป่ามีต้นโกงกางขึ้นหนาแน่นเขาได้เห็นหิ่งห้อยจำนวนมากมายบินว่อนเกาะที่ต้นโกงกาง เขาสังเกตเห็นว่า หิ่งห้อยแต่ละตัวที่บินว่อนอยู่นั้นต่างกระพริบแสงในจังหวะที่แตกต่างกัน ช้าบ้างเร็วบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาได้เห็นความอัศจรรย์ นั่นคือ จังหวะการกระพริบแสงของหิ่งห้อยเหล่านั้นเริ่มพร้อมกันมากขึ้น ๆ จนในที่สุด หิ่งห้อยฝูงนั้นก็กระพริบแสงพร้อมกัน (วีระ ,๒๕๔๖ )

ที่บางกรูดในอดีตหิ่งห้อยจะมีจำนวนมากแวววาวไปทั่ว ตามต้นลำพูที่แทรกอยู่กับป่าจากในฝั่งของ ตำบลบางกรูดแต่ฝั่งวัดบางกรูดเอง เป็นตำบลท่าพลับและเป็นฝั่งแหลม จึงมีจากและลำพูน้อย ในช่วงน้ำกร่อย หากพายเรือในเวลากลางคืน คืนเดือนมืด พรายน้ำที่เกิดจากไม้พายกระทบน้ำเกิดกระแสน้ำจะเรืองแสงด้วยฟอสฟอรัส วาววับด้วยเช่นกัน


หิ่งห้อยเอง เปล่งแสง แข่งเดือนมืด
จากกน้ำจืด จนกร่อย ย้อยไสว
ต้นลำพู ดูพร่าง อย่างแสงไฟ
กระพริบได้ ไหววาว ดาวประกาย

บางกรูดไม่ ใช้เพรียก เรียกหิ่งห้อย
แทนด้วยถ้อย “ทิ้งถ่วง “ จนล่วงหาย
แมง “ทิ้งถ่อน” ตอนกล่าว เล่าบรรยาย
อีสานสาย กลายผ่าน ผันขานกัน

ต้นลำพู พราวแสง แห่งหิ่งห้อย
ดอกหอมน้อย คอยรื่น คืนสวรรค์
เป็นฉิมพลี ที่คู่ สมสู่พันธุ์
แสนสุขสันต์ วันคืน ชื่นภิรมย์






...ต้นลำพู...

ถือเป็นพรรณไม้ชายเลนและชายคลองสามารถเติบโตได้ดีได้ในที่ ทั้ง สามน้ำ คือ น้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม
เป็นไม้พุ่มมีใบมาก ใบสีเขียวบางเป็นมัน เจริญเติบโตได้ดีใน น้ำกร่อย จนถึงน้ำจืด มีรากอากาศหายใจขนาดใหญ่ใช้แทนไม้ก๊อกเป็นจุกขวดและทุ่นลอยได้ ดอกสีขาวและสีชมพุ มีกลิ่นหอมน้อยๆ ผลแก่รับประทานได้รสอมเปรี้ยว มีเมล็ดมากเมื่อผลแก่หลุดจากขั้วจะลอยน้ำไป แพร่พันธุ์ได้อีกมีพรรณไม้สกุลเดียวกันอีกคือ
ต้นลำแพน ซึ่งจะพบมากบริเวณชายทะเล ต้นขนาดเล็กกว่าต้นลำพู มีรากหายใจน้อยกว่า ดอกเป็นเส้นฝอยน้อยกว่าดอกลำพู ผลลำแพนแบนแป้นกว่าผลลำพู

ปัจจุบัน พลอยโพยมย้ายบ้านเรือนจากบางกรูดมาอยู่ที่ตำบลแสนภูดาษ เป็นที่ดินที่แม่รับมอบมาจากคุณยายซึ่งมีที่มาของชื่อตำบลดังนี้

...ตำบลแสนภูดาษ...

ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำบางปะกง ชื่อของตำบลนี้เนื่องจากตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง เป็นที่ราบลุ่มชายเลน มีต้นลำพูขึ้นอยู่มากมาย ที่บริเวณโคนต้นจะมีหน่อลำพูแตกออกมาอยู่ใต้ดินและบนดินอย่างเนืองแน่น เวลาน้ำขึ้นในคืนเดือนหงาย พระจันทร์เต็มดวง จะมองเห็นหน่อลำพูที่โผล่พ้นน้ำมีสีค่อนข้างขาวดื่นดาษไปหมด นับเป็นแสน ๆ หน่อ ชาวบ้านจึงหยิบยกเอาธรรมชาติที่เป็นจุดเด่น สวยงาม ไม่มีที่ใดเหมือนตั้งชื่อเป็นตำบลว่า “ตำบลแสนภูดาษ” คำว่า “ภู” นั้น ในสมัยโบราณการเขียนหนังสือไทยไม่ค่อยเข้มงวดกวดขันเท่าไรนัก มุ่งแต่เพียงให้อ่านออกก็พอแล้ว คำที่ถูกต้องต้องเขียนว่า “พู” เพราะมาจากคำว่า “ลำพู”


วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

[นิทานเรื่องเล่า, บทกวี] แป้งเท้ายายม่อม : โดย พลอยโพยม




ตำนาน....แป้งเท้ายายม่อม

กาลครั้งหนึ่ง พึงกล่าว เล่าตำนาน
เป็นนิทาน แป้งขนม นิยมยิ่ง
เท้ายายม่อม ย่อมใช้ ได้มากจริง
ขออ้างอิง อ่านมา ว่าให้ฟัง

ยายละม่อม ภรรยา ของตาแม้น
อยู่แถบแดน ตะวันออก ระลอกฝั่ง
หาปลากุ้ง คุ้งทะเล เร่ประทัง
เลี้ยงชีพยัง มีลูกชาย กลายพิการ

ยายม่อมมี ฝีมือ เลื่องลือชื่อ
เช้าก็ถือ ขนมล้วน ชวนให้ขาน
ตลาดขาย ดิบดี นี้เนิ่นนาน
ขนมหวาน จานเจือ เหลือไว้กิน

แล้ววันหนึ่ง มีเหตุ เภทภัยสู่
ยายหารู้ ชะตาดับ ไม่กลับถิ่น
เวลาตรง ส่งขนม นั้นอาจินต์
ขายหมดสิ้น ผินบ้าน พาลต้องตาย

โจรฆ่าหั่น บั่นกาย หลายชิ้นส่วน
ชิงเงินล้วน เร้นป่า น่าใจหาย
ตาแม้นคอย ยายม่อม ย่อมวุ่นวาย
อีกลูกชาย ชวนคนค้น วนริมทาง

ยายม่อมห่วง สามี มีอนุสรณ์
ว่าจากจร จึงเน้น เห็นขาข้าง
หกนิ้วขวา ติดเท้า เขาพบวาง
ไว้ดูต่าง แทนหน้า พาระทม

ตาแม้นอุ้ม เอาไป ใช้ดินฝัง
น้ำตาหลั่ง พรั่งพราย กลายขื่นขม
ไม่มีใจ จับปลา พาตรอมตรม
ทุกข์ยังถม ที่ป่วยมาก จากลูกชาย

ชาวบ้านเข้า ช่วยเหลือ จุนเจือให้
ตาแม้นไม่ คลายโศก วิโยคหาย
หิวโซเซ สิ้นหวัง หลุมฝังยาย
ล้มทอดกาย สลบหลับ พับลงไป

หลุมฝังโคน มะพร้าว คราวนี้แปลก
ต้นไม้แทรก ทรงพุ่ม กลุ่มไสว
วิญญาณยาย ละม่อม กล่อมจิตใจ
ตาจงได้ ใช้เท้าฉัน หมั่นทำกิน

ตาแม้นฟื้น ขึ้นมา หาจอบขุด
ก็สะดุด หัวกลม กลิ้งรวมสิ้น
หกนิ้วต่าง งอกต้น บนพื้นดิน
ชื่นชีวิน ยินดี นี่นิ้วยาย

เอาหัวใหญ่ หนึ่งนั้น หันกลับบ้าน
หัวอื่นสาน สืบพันธุ์ เพื่อขยาย
ตาแม้นเห็น หนทาง อย่างสบาย
เครื่องมือราย เรียงอยู่ รู้กมล

อุปกรณ์ ทำขนม สะสมทั่ว
ตาเอาหัว ล้างออก ปอกเปลือกป่น
สังกะสี มีรู แหลมอยู่บน
ตาเอาฝน วนหัว ทั่วทุกรอย

ผ้าขาวบาง กางขึง ตรึงปากโอ่ง
เชือกรัดโยง ยีน้ำ ทำน้อยบ่อย
เนื้อแป้งใต้ กองผ้า พากองคอย
กากแป้งค่อย คัดไป ไม่ใช้งาน

เทน้ำนอง กองเนื้อ เพื่อทำต่อ
อีกขั้นก็ กวนคน จนประสาน
แล้วรอน้ำ นั้นใส เป็นได้การ
เอียงน้ำผ่าน พาเฝื่อน เลือนน้ำริน

ใส่น้ำซ้ำ ทำใหม่ ได้สามน้ำ
ยายบอกย้ำ พร่ำไว้ ใจถวิล
หมดเฝื่อนเพราะ ผ่านน้ำ ตาจำชิน
ตารู้สิ้น สืบไป ไม่มึนงง

แป้งนอนเนื่อง เหนียวหนับ จับมีดหั่น
ซอยกระชั้น ชิ้นบาง วางกระด้ง
สม่ำเสมอ เกลี่ยวาง อย่างบบรรจง
เรียงรายลง ลานกว้าง อย่างชำนาญ

ตากให้แห้ง แสงแดด แผดเผานั่น
แห้งดีนั้น กวนน้ำตาล ทานของหวาน
อันแป้งนี้ ที่ใช้ ได้หลายงาน
แป้งนี้ขาน เท้ายายม่อม ย่อมแจ้งใจ

พ่อลูกชาย ขยายพันธ์ ผันเป็นแป้ง
แล้วจัดแจง ทำขนม อารมณ์ใส
พรสวรรค์ สืบซ้ำ ร่ำลือไป
พ่อลูกได้ เท้ายายม่อม ย้อมชีวา

โดยพลอยโพยม

แป้งเท้ายายม่อม นิยมใช้ผสม ในของคาวหวาน มากมายหลายอย่าง แต่ที่ถือเน้นว่าเป็นส่วนสำคัญ คือ ขนมชั้น และขนมหวานหัวผักกาด จะขาดเสียไม่ได้ หัวเท้ายายม่อมสดๆ ถือว่ามีรสเฝื่อน ต้องมีวิธีการขจัดความเฝื่อน ประเภทเดียวกับหัวกลอย ถ้ากินสด จะเมา หัวกลอย ก็ใช้วิธีผ่านน้ำให้น้ำล้างพิษเมาเช่นกัน แต่ไม่ต้องเอามาฝน เพียงแต่ฝานเป็นชิ้นๆ ใส่ถุงผ้า แช่น้ำที่ไหลผ่าน ชาวบ้านบางกรูดนิยมใช้ การเอากลอยดิบใส่ถุงผ้าแช่น้ำไว้ที่หัวสะพานบ้านในเวลาที่น้ำขึ้น ค้างวันค้างคืน หลายวันหลายคืน

...ตำนานจาก คุณยายละม่อม...


ต้นเท้ายายม่อม

ชื่อพฤกษศาสตร์ Tacca leontopetaloides Ktze.
ชื่อสามัญ East Indian arrow root
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีหัวลักษณะกลมแบน หรือรี อยู่ใต้ดิน ในฤดูฝนจะงอกงามดี แต่จะโทรมลงในฤดูหนาว ต้นสูงประมาณ ๘๐ เซนติเมตร ก้านใบงอกตรงขึ้นจากหัว มีจำนวน ๑-๓ ก้าน ใบเป็นใบเดี่ยวออกที่ปลายก้าน สีเขียวอ่อน มีจุดประสีขาวหรือม่วงดำ ขอบใบจักเว้าลึก ออกดอกคราวละ ๑-๒ ช่อ แต่ละช่อมี ๑๐-๒๐ ดอก ใต้กลุ่มดอกมีกลีบรองดอกใหญ่และกลีบรองดอกย่อยรองรับ ดอกสีเหลืองอ่อน เหลืองแกมเขียว หรือเขียวแกมม่วงดำ ที่ช่อดอกสายยาว สายนี้จะติดอยู่จนผลแก่ ผลสีเขียว สุกสีเหลือง

เท้ายายม่อมมีมีการกระจายพันธุ์กว้างตั้งแต่อัฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หมู่เกาะแปซิฟิก จนถึงออสเตรเลีย ในไทยพบกระจายห่างๆ เคยมีการสำรวจ พบอยู่ค่อนข้างหนาแน่นในป่าบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและภาคใต้และพบอยู่อย่างกระจัดกระจายในป่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพืชล้มลุกเจริญเติบโต ได้ดีในสภาพร่มเงาต้นไม้ในป่าโปร่งที่เป็นดินทรายหรือดินร่วนทราย

การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือการแยกหัว ต้นเท้ายายม่อมชาวจังหวัดระยองรู้จักกันดีในชื่อ ต้นนางนวล
ประโยชน์ หัวต้นเท้ายายม่อม สามารถนำมาทำเป็นแป้งที่เป็นอาหารเรียกว่า แป้งเท้ายายม่อม ซึ่งได้จากหัว ถ้านำแป้งมากวนกับน้ำตาลกรวด เป็นอาหารบำรุงคนป่วยและคนชรา แก้อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ทำให้เกิดกำลังชุ่มชื่นใจ ขนมบางชนิดใช้แป้งเท้ายายม่อมผสมเพื่อให้ตัวเนื้อขนมนุ่มนวล เพิ่มรสชาติขึ้น
ในใบ:มีรายงานว่าพบสารสกัดจากใบประเภท Steroidal Saponins มีฤทธิ์ฆ่าหอยได้ผลดีมากจาก หนังสือสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์ การสวนพฤกษศาสตร์ บอกว่า ทั้งต้นเป็นสมุนไพรแก้ปวดเมื่อย ราก เป็นยาขับเสมหะ ดับพิษไข้ แก้ร้อนใน

แป้งเท้ายายม่อม :

แป้งเท้ายายม่อม (Arrowroot Starch) สกัดจากพืชหัวเท้ายายม่อม ลักษณะแป้งเป็นเม็ดเล็กๆ หยาบๆ สีขาวลักษณะของแป้งจะหนัก มีเม็ดแป้งปนอยู่บ้าง ไม่นุ่มละเอียดเหมือนแป้งมัน เมื่อต้องการนำมาทำอาหารจะต้องบดให้ละเอียดเป็นผงเสียก่อนด้วยครก โดยใช้สากคลึงๆ หากไม่บดเมื่อนำมาปรุงอาหารจะเป็นเม็ดไตอยู่ในอาหาร เมื่อนำไปประกอบอาหารจะให้ความข้นเหนียวนุ่มและใสวาว เมื่อทิ้งไว้ให้เย็นจะเหนียวกว่าแป้งมันสำปะหลังและแป้งข้าวโพด (จึงใช้ในปริมาณไม่มากเท่ากับแป้งมันสำปะหลังและแป้งข้าวโพด)

คุณสมบัติอีกอย่างที่แตกต่างจากแป้งมันสำปะหลังและแป้งข้าวโพดคือ เมื่อนำมาอุ่นจะมีความข้นและไม่คืนตัว สามารถนำมาใช้ประกอบอาหารและทำขนมได้หลายชนิด ได้แก่ ขนมชั้น ขนมเปียกปูนหรือขนมน้ำดอกไม้ ข้าวฟ่างเปียก เต้าส่วน ขนมกรวย ขนมช่อม่วง ครองแครงกะทิ ขนมดอกลำเจียก ขนมฟักเขียว ขนมฟักทอง ขนมกล้วย ทับทิมกรอบมะพร้าวกะทิ ขนมถ้วยหน้ากะทิ ลอดช่องกะทิ กะละแมเสวย ขนมหัวผักกาด

ขนมกงหรือขนมกงเกวียน ข้าวเกรียบปากหม้อ บัวลอย เสน่ห์จันทร์ ขนมทองเอก ขนมเรไร ขนมมันสำปะหลัง ขนมดอกอัญชัน ขนมวุ้นกรอบ อีกทั้งสามารถนำมาผสมกับแป้งเผือกและแป้งสาลีทำขนมพุดดิ้ง เค้ก และขนมปัง สำหรับ อาหารคาว ใช้เป็นส่วนผสมใน ซุปเห็ด เจ หอยทอด ผัดราดหน้า กระเพาะปลา เป็นต้น

"กลอนแป้งเท้ายายม่อม เพื่อ เป็นอนุสรณ์ ถึง คุณแม่ละม่อม คุณพ่อมังกร สงวนสัตย์
ของพลอยโพยม ซึ่งในสมัยอยู่บ้านสวน ผู้เขียนเอง ต้องฝนหัวเท้ายายม่อมทำแป้ง ในต้นฤดูหนาวของทุกๆปี"

16 กันยายน 2553



ขนมหัวผักกาด (หวาน)

ขนมชั้น



ขนมเรไร



ขนมน้ำดอกไม้