ภาษามคธ
เคยได้ยินชื่อภาษามคธ มานานมาก โดยเฉพาะเมื่อได้ศึกษาประวัติของ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ปรมาจารย์ภาษาไทย ศาลฏีกาในเรื่องหนังสือไทย ในสมัยต้นรัชกาลพระบาทสเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าที่านเชี่ยวชาญภาษา ไทย อักษรขอม ภาษามคธ เห็นผลงานท่านมีภาษาบาลีแทรกไว้หลายผลงาน โดยเฉพาะในผลงานสุดท้ายของท่าน คือ สยามสาธก วรรณสาทิส
ในท้ายเล่มสองหน้าสุดท้ายของหนังสือ "สยามสาธก วรรณสาทิศ" ซึ่ง "พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)ได้คิดคัดศัพท์ภาษามคธ ต่าง ๆ รวมเป็นพวกไว้ เพื่อฉลองพระเดชพระคุณ เฉลิมปัญญาบารมี มีความดังนี้ว่า
ศัพท์ภาษามคธอย่างนี้ ในพระคัมภีร์มีมาก ข้าพระพุทธเข้าคิดรวบรวมแต่ที่จำได้ในเวลาเล่าเรียนมาจัดเปนหมวดๆ เรียบเรียงขี้นทูลเกล้า ฯ ถวายเพื่อเปนเครื่องอบรมพระญาณปรีชา ประดับพระปัญญาบารมี โดยสังเขปเท่านี้ ขอเดชะ (ใช้ตามอักขระเดิมของท่าน)
ก็งง งง กับภาษามคธ และภาษาบาลี มานาน เมื่อได้เข้าปฎิบัติธรรม กับพระวิปัสสนาจารย์ พระคันธสาราภิวงศ์ จะนมัสการเรียนถามหลายครั้ง แต่ไม่สบโอกาส เพราะเป็นคำถามนอกเหนือเรื่องการปฏิบัติธรรม แต่ในที่สุดก็ได้หนังสือ วัมมิกสูตร ปริศนาแห่งจอมปลวก ผลงานแปลและเรียบเรียงของท่าน โดยแปลจากผลงานรจนาของพระโสภณมหาเถระ (มหาสีสยาดอ)
วัมมิกสูตรหมายถึงธรรมะที่แสดงโดยเปรียบร่างกายเหมือนจอมปลวก พระธรรมเทศนานี้ได้มีการสังคายนาและบันทึกไว้ในมัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ โอปัมมวรรค ซึ่งเป็นนิกายหมวดหนึ่งในจำนวนห้านิกายของพระไตรปิฎก
ตตฺถ เสสา โอฏฏกิราตอนุธกโยนกทมิฬภาสาสาทิกา...............
"ในบรรดาภาษาเหล่านั้น ๑๘ ภาษาที่เหลือมีภาษาโอฏฏะ ,กิราตะ,อันธกะ,โยนก และภาษาทมืฬ เป็นต้น ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ แต่ภาษามคธอย่างเดียวที่เรียกว่าภาษาของพรหมและพระอริยะตามความเป็นจริงนี้ ย่่อมไม่เปลี่ยนแปลงไป แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกพระพุทธพจน์คือพระไตรปิฎกขึ้นสู่ภาษาที่เป็นแบบแผน ก็ทรงขึ้นด้วยภาษามคธเท่านั้น "
."คำว่าเสสา ปริวตฺตนฺติ (ภาษาที่เหลือย่อมเปลี่ยนแปลง) หมายความว่า ภาษาที่เหลือย่อมมีอย่างอื่นและวิบัติไปในกาลอื่นแน่นอน แต่ภาษามคธแม้เปลี่ยนแปลงไปในบางคราวบางแห่ง ก็ไม่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดเสมอในสถานที่ทุกแห่ง จึงดำรงอยู่แม้ในยามกัปวินาศ ฉะนั้นจึงกล่าวว่า อยเมเวกา น ปริวตฺตติ ( แต่ภาษามคธ อย่างเดียวนี้ย่อมไม่เปลี่ยนแปลง )"
อนัญฺญถา โหนฺตีติ...........
"คำว่าอนัญฺญถา โหนฺติ (ย่อมมีได้เป็นอย่างอื่น) หมายความว่า เปลี่ยนแปลงบางส่วนในยุคของผู้คนแต่ละสมัย จึงมีลักษณะอื่นในกาลอื่น
คำว่าวินสฺสนฺติ (วิบัติไป) หมายความว่า ไม่ปรากฎด้วยการพินาศของมนุษย์ผู้พูดภาษานั้น ๆ ภาษามคธแม้เปลี่ยนแปลงบางคราวในบางที่บางแห่งด้วยการศึกษาไม่ดีของชาวโลก ก็ไม่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดเสมอในสถานที่ทุกแห่ง เพราะยังดำรงอยู่ในพรหมโลกเป็นต้นตามสภาพเดิม ฉะนั้นจึงกล่าวว่า กปฺปวินาเสปิ ติฏจติเยว (จึงดำรงอยู่ในในยามกัปวินาศ "
คัมภีร์ฉันโทสารัตถเมทินี (คำอธิบายคาถา ๓-๔) กล่าวสรุปความในเรื่องว่า
มูลภาสาติ สา วุตฺตา โปราณา....
"ภาษาใดเป็นภาษาดั้งเดิม คนต้นกัปใช้พูดกัน ปรากฎว่าเป็นภาษาที่ใช้ในแตว้นมคธ ภาษาประเสริฐ และภาษาน่าพึงใจ ภาษานั้นเรียกว่ามูลภาษา (ภาษาดั้งเดิม )"
พฺรหฺมภาสา ยถาภุจจ-ภาสา....
"ภาษานั้นเป็นภาษาของพรหม คงอยู่เสมไม่เปลี่ยนแปลง และพูดได้ตามธรรมชาติ ไม่มีใครทำให้สาบสูญไป"
นิรเย เทวโลเก จ พฺรหฺมโลเก าสาตเล.....
ภาษามคธนั้นนิยมใช้มากในนรก เทวโลก พรหมโลก และนาคโลก อัพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐทรงสรรเสสริญแล้ว "
<อมนุสฺเส พฺรหารญฺเญ...........
"บุคคลผู้ไม่เคยได้ยินคำของคนอื่น เกิดในป่าใหญ่อันไม่มีมนุษย์ เมื่อจะเจรจา ก็จักพูดภาษามคธนั้นตามปกติของตน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น