วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ผันผ่านตามกาลเวลา
เส้นทางเดินผ่านสวนสิ้นสุดที่บ้านหมอสม ( หมอประจำสุขศาลาของตำบล หมอสมเป็นสุภาพสตรี) สิ้นสุดที่คูน้ำคั่นที่ของวัดและประชาชน ข้ามคูน้ำมีป่าสะแก เดินทะลุป่าสะแกจะพบเจดีย์ หลายองค์ ก่อนถึงพระอุโบสถ
พระอุโบสถหลังใหม่ในปัจจุบัน
จากพระอุโบสถนี้ ต้องผ่านหอระฆังและศาลาการเปรียญ เพื่อเดินไปที่ท่าน้ำสำหรับอาคารเรียนไม้เก่าชั้นเดียว อยู่ไม่ไกลจากศาลาท่าน้ำ ริมฝั่งด้านขวามือข้าง ๆ ศาลาท่าน้ำเคยมีต้นมะขวิดสูงใหญ่ ต้องรอให้ลูกมะขวิดสุกงอมและหล่นลงมาเอง หากอยากไปเก็บมะขวิดร่วงก็ต้องรีบไปเก็บตามโคนต้นตอนเช้ามืด แย่งกันกับเด็กวัดประมาณนั้นเลย มะขวิดเป็นผลไม้ที่มีขายโดยแม่ค้าขายขนมในโรงเรียนและส่วนใหญ่แม่ค้าเหล่านี้ก็มักมีสวนของตนเองด้วย
ต้นมะขวิดต้นปัจจุบันที่วัดผาฯ แต่เป็นคนละต้นคนละที่ปลูกกับที่ริมท่าน้ำในสมัยก่อน
ผลมะขวิด
หอระฆังเก่า
โรงเรียนเรือนไม้หลังนี้ปลูกต้นโมกลาที่บันไดทางขึ้นเรือนไม้ส่งกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ ยามที่ฝนตกกลีบดอกก็จะร่วงหล่นบนพื้นเรือนไม้ก่อนเข้าห้องเรียนซึ่งเปิดโล่งด้านหน้า จำไม่ได้เสียแล้วว่าแบ่งเป็นกี่ชั้นเรียน อย่างน้อยก็สองขั้นเรียนขึ้นไป ต่อมามีการรืื้อเรือนไม้นี้และย้ายเด็กนักเรียนขึ้นไปเรียนที่ศาลาการเปรียญ
(ตอนเด็ก ๆ ไม่รู้จักว่าดอกไม้กลีบเล็ก ๆ สีขาว นี้คือดอกโมก มารู้จักตอนไปเรียนที่โรงเรียนดัดรุณีในเมืองชั้น ม.ศ. 1-3 แล้ว เป็นดอกโมกชั้นเดียว)
การเรียนที่ศาลาการเปรียญนั้นต้องนั่งเรียนกับพื้น ชั้นเรียนอยู่ซ้ายสุดไม่ไกลจากธรรมาสน์ ด้านขวามือมีเด็กชั้นอื่นนั่งเรียนอยู่ใกล้ ๆ กัน
จำได้ว่าพลอยโพยมติดเหาจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันเอากลับไปฝากคนที่บ้านจากชั้นเรียนที่ศาลาการเปรียญนี้เอง และจำได้ว่ามีนักเรียนคนไหนไม่รู้เป็นหูน้ำหนวกส่งกลิ่นเหม็นจนคุณครูถามว่า ใครเป็นหูน้ำหนวกยกมือขึ้น แต่ไม่มีเด็กคนไหนยกมือ
พลอยโพยมติดเหาอยู่หลายวันแม่ละม่อมจึงเพิ่งรู้ จับพลอยโพยมนั่งลงกับนอกชานบ้าน เอาปรอท ขาว ๆ มาละเลงใส่หัว (คงจะเพื่อให้เส้นผมลื่นหรือเปล่าไม่แน่ใจ)แล้วใช่หวีเสนียดหวีเอาตัวเหาและไข่เหาออก มีพี่อ๋อย (ลูกสาวป้าละออ เด็กกลุ่มรุ่นใหญ่ เรียนหนังสือในเมือง สวมแหวนทอง ปรอทขาว ๆ ตืดแหวนเลย)
หมายเหตุ
ปรอทเป็นสารพิษที่มีอันตรายต่อสุขภาพอนามัยค่อนข้างรุนแรง โดยผู้ที่ได้รับสารนี้เข้าไปจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง เป็นโรคไต และโรคลำไส้เรื้อรัง มีอาการระคายเคืองและอักเสบของระบบทางเดินหายใจ แน่นหน้าอก มีอาการผิดปกติของระบบประสาท เช่น ง่วงซึม สูญเสียระบบการทรงตัว ไม่อาจควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้ ชักกระตุก ความจำเสื่อม และอาจถึงตายได้
บันไดขึ้นศาลาการเปรียญหลังเก่า
ศาลาการเปรียญหลังเก่า
เรียนได้ไม่นานก็ย้ายมาเรียนที่อาคารเรือนไม้สองชั้นรูปทรงสวยงาม คนวัดผา ฯ พากันเรียกขานว่าเรือนไม้ทรงกล่องไม้ขีด
พลอยโพยมเรียนอยู่ชั้นล่าง พอย้ายมาเรียนที่เรือนนี้พลอยโพยมจึงได้อยู่เริอนเดียวกับพี่ ๆ ทั้งพี่ชาย และพี่สาว ลูกคุณป้าคุณน้าซึ่ง พี่ ๆ จะเรียนอยู่ชั้นบนกัน
รอบ ๆ เรือนไม้สองชั้นนี้เทปูนซีเมนต์รอบเรือน และกลายเป็นสถานที่สำคัญของนักเรียน เนื่องจากโรงเรียนไม่มีโรงอาหาร แต่มีร้านขายขนม น้ำแข็งและก๋วยเตี๋ยว ใครที่กินก็วยเตี๋ยวก็มีร้านให้นั่งกินได้ แต่นักเรียนที่เอาข้าวใส่ปิน่โตมากินเองก็ไม่มีที่นั่งกินข้าว เพราะห้ามกินข้าวในห้องเรียน เด็ก ๆ ก็อาศัยทางเดินซีเมนต์รอบ ๆ เรื่อนไม้นี้เป็นที่นั่งกินอาการกันรอบ ๆ เรือนนี้เอง จะนั่งยอง ๆ หรือนั่งแปะลงไปกับพื้นก็ตามอัธยาศัย พลอยโพยมกินช้าวปิ่นโตเดียวกับพี่ชายสองคนโดยพี่ชายเป็นคนหิ้วปินโตไป- กลับ พลอยโพยมเดินตัวปลิวหิ้วแต่กระเป๋าเรียนของตัวเอง
ห้องมุขด้านหน้าของเรือนไม้กล่องไม้ขีดนี้มีโต๊ะวางขั้นละตัว สำหรับให้นักเรียนเอาปิ่นโตที่ใส่ข้าวกลางวันมากินวางไว้เมื่อมาถึงโรงเรียน เวลาพักก็ต่างคนต่างมาหยิบปิ่นโตของตัวเอง กินเสร็จก็เอามาวางคืนที่ ตอนเย็นกลับบ้านก็มาหยิบปิ่นโตของตัวเองกลับบ้าน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น