แสงเรื่อรำไร...ในขอบฟ้ากว้าง...
นอกจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจไปแจ้งความกับกองปราบปรามแล้วยังดำเนินการฟ้องคุณหนุ่ยที่ศาลแพ่งด้วย เมื่อคุณหนุ่ยหนีไปต่างประเทศคดีแพ่งจึงพักไว้ก่อน ส่วนคดีอาญาเมื่อหมดอายุความแล้วก็ไม่สามารถจับคุณหนุ่ยเข้าคุกได้
พนักงานคนที่คุณหนุ่ยไปเป็นประธานงานแต่งงานให้ ยังคงไปขึ้นศาลในฐานะพยานและให้การเท็จมาตลอด
ทนายโจทก์ก็เคยเป็นลูกน้องของคุณหนุ่ยได้ไปยื่นต่อศาลว่าทนายความของคุณหนุ่ยเคยทำงานให้โจทก์ (บริษัท ฯ ) มาก่อน ทนายความของคุณหนุ่ยจึงต้องลาออกจากการว่าความให้คุณหนุ่ยและแนะนำทนายความคนใหม่ให้
มูลเหตุการกล่าวหานั้นเนื่องมาจากการที่คุณหนุ่ยหาลูกค้ากลุ่มหนึ่้งมาซื้อหุ้นเพื่อนำใบหุ้นไปจำนำที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด เพื่อนำเงินมาให้ลูกค้าเงินฝากถอนเงินในขณะที่เกิดวิกฤติ (ดังได้กล่าวถึงไว้แล้ว ) หุ้นที่กลุ่มลูกค้าเหล่านั้นซื้อไว้มีมูลค่าตกลงมาเรื่อย ๆ ตามภาวะตลาดหุ้นในขณะนั้น
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจได้ทำการขายหุ้นออกทั้งหมด ( force sell ) เกิดการขาดทุนขึ้นใน port ของลูกค้าทุกคนในกลุ่มนั้น
เมื่อบริษัท ฯ เรียกเงินส่วนที่ขาดทุนจากพวกลูกค้าไม่ได้ จึงมีการฟ้องศาล ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ต่อสู้คดีว่า พวกเขามิได้ซื้อขายหุ้นจริงและชนะคดี
ผู้ใหญ่คนที่ให้คุณหนุ่ยลงนามในเอกสารที่คุณหนุ่ยไม่ยอมลงนามให้ในห้องประชุมของธนาคารทหารไทยเมื่อหลายปีก่อน มีอำนาจเต็มเหนือทั้งบริษัท ฯ และธนาคารทหารไทยจึงสั่งให้ดำเนินคดีกับคุณหนุ่ยทันทีทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทั้ง ๆ ผู้ใหญ่คนนี้เองเป็นผู้ลงนามร่วมกันกับคุณหนุ่ยในการไปกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย ตลอดจนทราบดีว่าเงินจำนวนดังกล่าวที่ได้มาในการนี้ทั้งหมดนำมาให้ลูกค้าเงินฝากถอนไปในขณะเกิดวิกฤติของบริษัท ฯ
คุณหนุ่ยหาทนายความคนใหม่ โดยเลือกจากทนายความที่เพิ่งชนะคดีความที่กำลังเป็นข่าวในสังคม เป็นเรื่องที่สายการบินคาเธย์แปซิฟิคเที่ยวบินที่จะไปประเทศสหรัฐอเมริกาได้จับกุมคนไทยคนหนึ่งโดยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้วางระเบิดไว้ใต้ที่นั่งของภรรยาชาวฟิลิปปินส์และบุตรสาววัย 10 ขวบ ของเขาเอง ผู้โดยสารตายหมดทั้งลำ ชายผู้นี้ได้รับเงินค่าประกันชีวิตของภรรยาและบุตรสาวเป็นจำนวนมาก จากการสอบสวนมีหลักฐานที่มัดแน่น ชายคนไทยคนนี้มีบิดาเป็นทนายความชื่อดังซึ่งสามารถว่าความให้บุตรชายชนะคดีความหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาได้
คุณหนุ่ยไปหาทนายความคนนี้เล่าเรื่องราวทั้งหมดและขอให้เขาว่าความให้ คดีของคุณหนุ่ยเป็นเรื่องราวที่วงการเงินการธนาคารตลอดจนวงการทนายความให้ความสนใจมาก ทนายความคนนี้ก็รู้เรื่องราวของคุณหนุ่ยดีก่อนหน้าคุณหนุ่ยไปพบแล้ว ทนายความบอกคุณหนุ่ยว่าขอเวลา 1 เดือนในการตัดสินใจให้คำตอบ จนถึงวันนัดหมายทนายความได้แจ้งกับคุึณหนุ่ยว่ายินดีว่าความให้โดยคิดค่าทนายเป็นเงิน 4 ล้านบาท โดยคุณหนุ่ยต้องจ่ายเงินทันทีก่อน 3 ล้านบาท เมื่อชนะคดีจึงจ่ายอีก 1 ล้านบาท คุณหนุ่ยได้ขอร้องว่าตนเองเพิ่งกลับมาเมืองไทยหลังจากลี้ภัยไปนานจะหาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน ทนายความตอบว่าแม้จะเห็นใจคุณหนุ่ยแต่คงช่วยอะไรไม่ได้เพราะสำนักงานของเขาไม่ใช่องค์กรการกุศล
คุณหนุ่ยกลับบ้านด้วยความท้อแท้หัวใจห่อเหี่ยว แต่ไม่ยอมสิ้นความหวังและดิ้นรนหาทนายความคนใหม่อีก มีญาติของคุณหนุ่ยแนะนำทนายความคนใหม่ให้อีกโดยเรียกค่าทนายความเป็นเงิน 3 ล้านบาท
แล้วคุณหนุ่ยก็ระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ได้ ว่า พระเจ้าได้ตรัสกับคุณหนุ่ยว่า "วันหนึ่งความจริงจะปรากฎ " และคุณหนุ่ยก็คิดต่อว่า คุณหนุ่ยมีพระเจ้านี่ พระเจ้าย่อมต้องยิ่งใหญ่กว่าทนายความ คุณหนุ่ยไม่ต้องมีทนายความ คุณหนุ่ยจะพึ่งพระเจ้า
ด้วยความคิดนี้คุณหนุ่ยจึงปลดทนายความคนเดิมออกจากคดีและไปศาลโดยไม่มีทนายความท่ามกลางความแปลกใจของศาล
ในเวลานั้นความเชื่อของคุณหนุ่ยที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าได้เพิ่มพูนจนถึงขั้นเป็นความเชื่อที่ปราศจากเงื่อนไข ชนิดที่ใช้คำว่า " ิBlind faith " คุณหนุ่ยเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยคุณหนุ่ยทำให้ความจริงปรากฎได้ ควบคู่กับเชื่อในคำสอนว่า " พระเจ้าจะช่วยคนที่ช่วยตัวเองเท่านั้น" ด้วย
คุณหนุ่ยตัดสินใจบุกไปที่บริษัท ฯ เป็นเวลาที่ผู้ใหญ่คนสั่งการดำเนินคดีนี้อย่างตามล้างตามผลาญคุณหนุ่ย ได้เกษียณงานไปแล้ว
เมื่อครั้งที่คุณหนุ่ยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ ในวัย 25 ปี ในขณะที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์อื่น ๆ มีอายุ 40 ปีขึ้นไป คุณสุขุม นวพันธ์ เคยพูดทีเล่นทีจริงกับคุณหนุ่ยว่า คุณสมบัติของคุณหนุ่ยที่จะเป็นสมาชิกของ YPO ( Young president Organization ) นั้นไม่ qualified เพราะคุณหนุ่ยดำรงตำแหน่ง president ในวัยที่ younger than younger
ในบรรดาเพื่อน ๆ ทั้งหลายของคุณหนุ่ย มีท่านหนึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ SICCO เคยพูดเล่นกับคุณหนุ่ยว่า คุณเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างนวธนกิจในวัยไม่ถึง 30 ปี แล้วตอนที่คุณหนุ่ยอายุ 40 ปีเท่าเขา คุณหนุ่ยจะเป็นอะไร ซึ่งคุณหนุ่ยเคยตอบคำถามนี้ว่า คุณหนุ่ยไม่ทราบเหมือนกัน เพื่อนท่านนี้ก็คือ คุณธนบดี โสภณศิริ (ผู้ซึ่งล่วงลับไปแล้ว) ซึ่งในเวลาที่คุณหนุ่ยบุกไปที่บริษัท ฯ เก่าของคุณหนุ่ย กำลังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริิษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ
คุณหนุ่ยและคุณธนบดี รับประทานอาหารกลางวันกันที่ โรงแรม Siam intercontinental (สยามพารากอนในปัจจุบันนี้นั่นเอง) เมื่อฟังเรื่องราวของคุณหนุ่ยจบ คุณธนบดีพูดว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งก็ทราบว่ามีการฟ้องร้องคุณหนุ่ยแต่ไม่ทราบรายละเอียด คุณธนบดีได้แนะนำให้คุณหนุ่ยไปพบกรรมการของบริษัทเงิืนทุนหลักทรัพย์นวธนกิจตั้งแต่ยุคแรก และได้กลับมาเป็นกรรมการของบริษัท ฯ อีกครั้งหนึ่ง เมื่อธนาคารทหารไทยกลับมาถือหุ้นใหญ่จนถึงปัจจุบัน (ในขณะนั้น) คุณธนบดีบอกว่าท่านผู้ใหญ่คนนี้น่าจะรับฟังคุณหนุ่ยได้ดีกว่าคุณธนบดี คุณหนุ่ยขอร้องให้คุณธนบดีนัดหมายการเข้าไปพบให้
คุณอนุชาติ ชัยประภา เป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล เป็นผู้ใหญ่ที่คุณหนุ่ยเคารพนับถือ ยินดีให้คุณหนุ่ยเข้าพบ
เมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากคุณหนุ่ย ท่านเงียบไปชั่วขณะและบอกสั้น ๆ ว่า "ผมเชื่อคุณ "
คุณหนุ่ยคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้ในช่วงเวลาที่สั้นมากหลังจากได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดของความเป็นมาเป็นไปของเรื่อง คุณหนุ่ยทั้งตื้นตันและตื่นเต้น ลุกจากเก้าอี้นั่งเดินไปที่เก้าอี้ของคุณอนุชาติ ก้มลงกราบที่เท้าคุณอนุชาติ
เมื่อกลับมาที่เก้าอี้นั่งด้วยน้ำตานองหน้า คุณหนุ่ยถามท่านว่า
"ทำไมคุณอนุชาติจึงเชื่อหนุ่ยง่ายเช่นนี้ "
ท่านตอบว่า " ใครที่ทำให้คน ๆ นี้โกรธหรือไม่พอใจถูกฆ่าหมดเมื่อเขาได้เป็นใหญ่ ที่ธนาคาร ฯ ก็โดนกันไปหลายคนแต่ไม่มีใครโดนหนักเท่าคุณ "
เมื่อคุณหนุ่ยถามว่าต้องทำอย่างไรบ้างกับคดีนี้ คุณอนุชาติบอกว่า คุณหนุ่ยต้องไปพิสูจน์ให้คณะกรรมการของบริษัท ฯ ทราบว่าคุณหนุ่ยบริสุทธิ์
คุณหนุ่ยถามว่า
"แล้วจะให้หนุ่ยทำอย่างไร เอกสารสักชิ้นก็ไม่มี หนุ่ยจะพิสูจน์ให้คณะกรรมการทราบได้อย่างไรว่าที่หนุ่ยเรียนให้คุณอนุช่าติทราบมาทั้งหมดนี้เป็นความจริง "
คุณอนุชาติตอบว่า
"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่เป็นหน้าที่ของคุณเองที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ เริ่มต้นก็ไปหาคุณสันทัสก์สิ เขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายของบริษัท ฯ "
ในท่ามกลางแสงสว่างที่สาดส่องที่แม้จะเลือนรางเป็นเพียงลำแสงรำไร ๆ แม้จะด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจว่างานนี้มิใช่การเข็นครกขึ้นภูเขา แต่เป็นการเข็นรถถังทั้งคัน แต่อย่างน้อยนั่นก็คือก้าวแรกที่เดินไปสู่ความหวัง คุณหนุ่ยจะพยายามอย่างสุดชีวิตในการพิสูจน์ความจริงเพื่อความบริสุทธิ์ของตนเอง
ในขณะเดียวกันคุณหนุ่ยก็สวดภาวนาอ้อนวอนพระเป็นเจ้าอย่างมีความเชื่อในพระองค์ทุก ๆ วัน ในใจลึก ๆ คุณหนุ่ยมีความรู้สึกว่าพระเจ้าจะช่วยคุณหนุ่ยแน่นอน แต่ด้วยวิธีอย่างไรคุณหนุ่ยมิอาจทราบในตอนนั้น เป็นความเชื่อเต็มร้อยในใจว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงช่วยคุณหนุ่ยให้หลุดพ้นจากคดีนี้แน่นอน เพราะตนเองเป็นคนบริสุทธิ์และถูกใส่ร้าย
คุณสันทัสก์ เกิดสินทรัพย์เป็นนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวิชาชีพ เป็นผู้ที่มีจิตใจเปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม เมื่อคุณหนุ่ยขอนัดพบก็ตอบรับการนัดพบทันที
( ต่อมาภายหลังคุณสันทัสก์บอกกับคุณหนุ่ยว่า การขอนัดพบนั้นคุณสันทัสก์นึกว่าคุณหนุ่ยขอนัดพบเพื่อ" เกี้ยเซี้ย" เงิน 196 ล้านบาท ซึ่งถ้าคุณหนุ่ยขอ "เกี้ยเซี้ย" สัก 20 % บริษัทฯ ก็ยังจะได้เงินมากอยู่ )
การณ์กลับกลายเป็นว่าคุณหนุ่ยไปร้องขอความเป็นธรรม
เมื่อฟังเรื่องราวจบ คุณสันทัสก์ ก็บอกกับคุณหนุ่ยว่า
"แม้จะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องราวคำบอกกล่าวแต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ทางเดียวที่จะมีใครเชื่อคุณหนุ่ยได้คือต้องมีหลักฐานชัดเจนว่า เงินจำนวน 196 ล้านบาทนั้นได้มีการนำเงินเข้าบัญชีบริษัท ฯ "
คุณหนุ่ยตอบไปว่า ทนายความคนเดิมของคุณหนุ่ยได้เรียกร้องขอเอกสารดังกล่าวจากบริษัท ฯ แล้ว แต่ทนายความของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ ได้แถลงต่อศาลว่าเนื่องจากในช่วงวิกฤตนั้นมีการโอนถ่ายหุ้นกัน เกิดความบกพร่องในการจัดเก็บเอกสารประกอบกับกาลเวลาล่วงเลยมาเกิน 10 ปีแล้ว เอกสารต่าง ๆ ได้ถูกทำลายหมดแล้ว
คุณสันทัสก์บอกกับคุณหนุ่ยว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็คงได้แต่รับฟัง
ลูกน้องคนหนึ่งของคุณสันทัสก์ได้พูดขึ้นว่า "ถ้าคุณคิดว่าคุณบริสุทธิ์ก็ไปสู้กันที่ศาล มาหาเราทำไม "
คุณหนุ่ยคิดว่าเดินมาถึงขั้นนี้แล้วจะท้อใจไม่ได้ คุณหนุ่ยเดินถอยหลังไม่ได้ แม้จะเป็นการเข็นรถถังขึ้นภูเขา ถ้าพระเจ้าประทานพละกำลังให้คุณหนุ่ย คุณหนุ่ยจะสามารถเข็นมันขึ้นไปได้ คุณหนุ่ยเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ
คุณหนุ่ยทำจดหมายขอความเป็นธรรมยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ 2 ครั้ง เป็นจดหมายที่มีเนื้อความหลายหน้า ใช้เวลาในการพิมพ์ถึง 5-6 ชั่วโมงต่อฉบับ เพราะคุณหนุ่ยไม่เคยพิมพ์ดีดภาษาไทยมาก่อนในชีวิต แต่จดหมายของคุณหนุ่ยเป็นเพียงเศษกระดาษสำหรับบรรดากรรมการทั้งหลายของบริษัท ฯ ไม่มีการตอบรับ ไม่มีการตอบกลับมาเลย
บังเอิญประธานกรรมการของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจในขณะนั้นเป็นเพื่อนกับเพื่อนคุณหนุ่ยผู้ซึ่งให้คำปรึกษาในวันหนีออกจากประเทศไทย เป็นอาจารย์สอนที่ NIDA ด้วยกัน คุณสุรินทร์ ธรรมนิเวศ รับปากจะช่วยพูดกับเพื่อนผู้นี้ให้ แต่คำตอบที่ตอบมาคือ " สุรินทร์ you อย่าไปคบผู้หญิงคนนั้นเลย เขาเป็นคนทุจริตและมีชื่อเสียงไม่ดี "
หัวใจของคุณหนุ่ยบอบช้ำแตกสลายลงอีกครั้งหนึ่ง
คุณหนุ่ยเดินวนไปวนมาในหมู่บ้าน สวดไปร้องไห้ไป
"ข้าแต่พระเป็นเจ้า อูฐน้อยตัวนี้หลังกำลังจะหักแล้ว ได้โปรดเถิด ได้โปรดกรุณาอย่าให้มีเชือกฟางแม้แต่เพียงอีกเส้นเดียวตกลงมาบนหลังของลูก ลูกหลังหักแน่ ๆ เลย "
ยามในหมู่บ้านจะเห็นคุณหนุ่ยเดินวนไปวนมาด้วยน้ำตานองหน้าทุกคืน เนื่องจากคุณหนุ่ยไม่อยากร้องไห้ให้ลูก ๆ เห็น คุณหนุ่ยจะรอจนลูก ๆ หลับหมดแล้วจึงจะออกมาเดินสวดไปร้องไห้ไปเป็นเช่นนี้ทุกคืน
บรรดายามทั้งหลายคงคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงถูกสามีทุบตีทุกคืนแน่ จึงออกมาเดินร้องไห้เช่นนี้ทุกคืน
แต่คุณหนุ่ยไม่ยอมละทิ้งความพยายาม ไปรอพบ ดร.ทนง ตั้งแต่ 07.00 น.เช้า ก็ได้รับแต่คำตอบว่าท่านไม่สะดวกให้พบให้กลับไปก่อน
จนวันหนึ่งคุณหนุ่ยทราบว่า คณะกรรมการของบริษัท ฯ จะมีการประชุมกัน จึงไปรอแต่เช้า ไม่มีใครทักทายคุึณหนุ่ยเลยสักคนเดียว เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมทุกคนที่เห็นว่าคุณหนุ่ยยังรอรออยู่ ต่างพากันเลี่ยงเดินไปอีกทางหนึ่ง
คุณหนุ่ยกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายเป็นตัวอักษรได้ คุณหนุ่ยซึ่งครั้งหนึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ฯ นี้ เดินไปทางไหนลูกน้องก็หลบตัวลีบให้ มาวันนี้สภาพของคุณหนุ่ยไม่ต่างจากสุนัขข้างถนนที่ีมีแต่คนรังเกียจและเดินหลีกไปให้พ้น
แต่คุณหนุ่ยก็ไม่ยอมท้อ เพราะถ้าท้อแท้เมื่อไรคุณหนุ่ยจะหมดสภาพและสลายกลายเป็นผงธุลีไปทันที ถ้าถามว่าคุณหนุ่ยอายไหม คุณหนุ่ยตอบตัวเองว่า ไม่อายเพราะคุณหนุ่ยไม่ได้ทำอะไรผิด
คุณหนุ่ยยังคงมีความอดทนกัดฟันบากหน้าไปขอพบคนโน้นคนนี้โดยไม่มีใครยอมให้พบสักคน
จนถึงวันที่ 17 มกราคม พ.ศ 2537 (ค.ศ.1994)
ในตอนเช้าตรู่คุณหนุ่ยได้ฝันไปว่า คุณหนุ่ยเพิ่งตายและมีคนกำลังจะเอาดอกบัวใส่มือคุณหนุ่ยในท่าพนมมือ วิญญาณที่ลอยออกจากร่างกำลังรำพึงว่า
" อีกไม่กี่วินาทีฉันก็จะดับสูญ ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันได้เกิดมาเป็นลูกของอานีกับอาชาเจ็ก ( คุณแม่คุณพ่อ ) ขอพระองค์โปรดรับฉันไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์เถิด "
แล้ววิญญาณของคุณหนุ่ยก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าผ่านดวงดาวที่ระยิบระยับหายไปในความมืด
คุณหนุ่ยตกใจตื่นขึ้นมา ความรู้สึกที่คงค้างอยู่ในใจเป็นความรู้สึกที่สงบและดูเหมือนจะเป็นความรู้สึกภิรมย์ยินดีเสียด้วยซ้ำไป
ถ้าความตายเป็นเช่นนี้ความรู้สึกนี้ ความตายก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเลย ตรงกันข้ามกลับเป็นสิ่งน่าอภิรมย์อย่างยิ่ง
เช้าวันนั้นคุณหนุ่ยตัดสินใจไปพบคุณสันทัสก์อีก เตรียมเขียนโน๊ตไปด้วยเพราะถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบจะได้ฝากข้อความที่เตรียมไปให้เลขาหน้าห้อง และก็เป็นไปตามที่คาดไว้จริง ๆ เลขาหน้าห้องบอกว่านายของตนกำลังจะเข้าประชุมภายใน 10 นาทีนี้ คราวนี้คุณหนุ่ยยอมเสียมารยาทเดินฝ่าเลขา ฯหน้าห้องเข้่าไปในห้องของคุณสันทัสก์
คุณสันทัสก์บอกคุณหนุ่ยทันทีที่คุณหนุ่ยพรวดพราดเข้าไปในห้องทำงานว่า
" ขอโทษครับ ผมกำลังจะเข้าประชุมภายใน 10 นาทีนี้แล้วครับ"
คุณหนุ่ยตอบไปว่า "ถ้าเช่นนั้นพี่ขอเวลาไม่เกิน 5 นาทีก็แล้วกัน"
แล้วยื่นแผ่นกระดาษที่เตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นข้อความที่ขอให้เขาไปค้นเอกสารสลิป Pay in ของบริษัท ฯ เข้าบัญชีของธนาคารกรุงไทยในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2522 (ค.ศ.1979) ซึ่งคุณหนุ่ยจำได้แม่นยำว่าเป็นเดือนที่คุณหนุ่ยนำเงิน 196 ล้านบาท เข้าฝากธนาคารเพื่อเตรียมไว้ให้ลูกค้าเงินฝากถอนเงิน
คุณสันทัสก์ส่ายหน้าพลางบอกว่า " มัน 10 กว่าปีแล้วนะครับพี่ เอกสารทั้งหมดน่าจะถูกทำลายหมดไม่มีเหลือแล้ว"
ทันใดนั้นคุณหนุ่ยก็โพล่งคำพูดออกไปโดยไม่ได้คิดหรือตระเตรียมคาดการไว้ก่อนเลยว่
"พี่มีความมั่นใจว่าเอกสารยังอยู่ ขออนุญาตพี่ไปค้นเองได้ไหม"
คุณหนุ่ยก็ยัง งง งง ว่าพูดอย่างนั้นออกไปได้อย่างไร ในฐานะจำเลยคุณหนุ่ยกำลังขออนุญาตโจทก์เข้าไปค้นเอกสารเอง
แต่คุณสันทัสก์ตอบเพียงคำพูดว่า
" มันลำบากนะพี่ "
คุณหนุ่ยจึงพูดต่อว่า
" ไม่ลำบากสำหรับพี่ค่ะ ได้โปรดเถอะพี่มั่นใจว่าเอกสารยังอยู่ ขณะนี้โกดังเก็บเอกสารของบริษัท ฯ อยู่ที่ไหนล่ะ "
มีคำตอบจากคุณสันทัสก์ว่า " มี สองที่คือที่บางนาและบางซ่อน "
คุณหนุ่ยถามต่อไปว่า " มันต่างกันตรงไหนคะ"
จึงได้ข้อมูลว่า ที่บางนาเป็นสถานที่บริษัทเช่า ส่วนที่บางซ่อนเป็นที่เก็บเอกสารของธนาคารทหารไทย และมีห้องเก็บของสร้างพิเศษสำหรับนวธนกิจ
"พี่ขอไปแห่งหลังนี่แหละ" คุณหนุ่ยเลือก
คุณสันทัสก์ "เอาอย่างนั้นหรือ"
คุณหนุ่ย " ได้โปรดเถอะ พี่ขอร้อง "
คุณสันทัสก์มองหน้าคุณหนุ่ยเพื่อค้นหาความมั่นใจจากดวงตาของคุณหนุ่ย พลางบอกว่า
"งั้นก็ได้"
คุณหนุ่ยแทบไม่เชื่อหูตัวเองที่ได้รับคำตอบนี้ถามต่อไปว่า
"ไปวันเสาร์นี้เลยได้ไหม "
คุณสันทัสก์บอกว่า
" ถ้าจะไปผมว่าไปตอนนี้เลยจะดีกว่า เป็นเวลาทำงานตามปกติจะได้ไม่มีคนสงสัย อีกอย่างหนึ่งพี่ศรีเป็นคนดูแลเก็บกุญแจโกดัง ผมจะให้พี่ศรีคุมทีมไป ผมจะให้มีผู้แทนจากฝ่ายกฎหมาย บัญชี Admin ฯลฯ
ทั้งหมด 5 คน
ประกายแสง....แห่งรัศมีดารา
คุณสมศรี หลิมตระกูล เป็นลูกน้องเก่าแก่ตั้งแต่ตอนที่คุณหนุ่ยเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ดำรงตำแหน่ง แคชเชียร์ในเวลานั้น แต่ปัจจุบันก็เติบโตในหน้าที่การงาน เป็นระดับ VP ของบริษัท
คุณสมศรีผู้นี้เป็นลูกน้องคนหนึ่งที่ไม่เชื่อว่าคุณหนุ่ยกระทำการทุจริต แต่คุณสมศรีก็รับฟังมาตลอด 10 กว่าปีถึงเรื่องราวการทำทุจริตและความไม่ดี ต่าง ๆ ของคุณหนุ่ย มาจนวันนี้คุณสมศรีจึงพร้อมเต็มที่ในการให้โอกาสที่คุณหนุ่ยจะได้พิสูจน์ตัวเอง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คณะในทีมไปตรวจค้นเอกสารก็พร้อมกันได้หมด คุณหนุ่ยตื่นเต้นมากในใจสวดภาวนาขอพระช่วยตลอดเวลา
ระหว่างการเดินทางคุณหนุ่ยไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียดจึงเล่าเรื่องที่เกิดในประเทศออสเตรเลียว่า
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งพาลูก ๆ ไปเที่ยวในพาร์คแห่งหนึ่งในคืนนั้นลูกน้อยคนที่ยังเป็นทารกได้หายไปจากห้องพัก ผู้เป็นแม่เห็นสุนัขดิงโก้ซึ่งมีลักษณะคล้ายสุนัขจิ้งจอกวิ่งแวบออกไปออกไปจากห้ิองในท่ามกลางความมืด ในปากสุนัขเหมือนกับคาบอะไรสักอย่าง ต่อมาการณ์กลับกลายเป็นว่าแม่ซึ่งเป็นมารดาแท้ ๆ ของเด็กทารกผู้เคราะห์ร้ายกลับถูกกล่าวหาว่าฆ่าลูกน้อยของเธอเองถูกศาลตันสินจำคุก เธอต้องทนทุกข์ทรมานในคุกถึง 3 ปีกว่า จนกระทั่งวันหนึ่งมีนักท่องเที่ยวชายคนหนึ่งพลัดตกเขาและถูกสุนัขดิงโก้รุมทึ้งจนเสียชีวิตอยู่ที่เชิงเขานั้น เมื่อตำรวจไปชันสูตรศพชายคนนี้ก็พบเสื้อแจคเก็ตตัวเล็ก ๆ ของทารกผู้เคราะห์ร้ายนั้น อยู่ปะปนอยู่กับกระดูกกองน้อย ๆ ซึ่งผู้เป็นมารดาได้บอกให้ตำรวจและัผู้สอบสวนมาตลอดให้ค้นหาให้เจอแต่ไม่มีใครรับฟังเธอเลย
คุณหนุ่ยบอกกับคุณสมศรีว่า " เรากำลังไปหาแจ๊กเก็ตตัวนั้นกันนะศรี"
ห้องเก็บเอกสารเป็นห้องห้องหนึ่งในโกดังใหญ่ ที่หน้ารั้วมี สห.เฝ้าอยู่และที่หน้าห้องก็มีตำรวจเฝ้าอยู่อีกชั้นหนึ่ง
ไม่ถึงครึ่งชัวโมงคุณหนุ่ยและคุณสมศรีก็สามารถหาสลิปใบ Pay in ที่สามารถปลดล็อคโซ่ชีวิตของคุณหนุ่ย ผิดแต่ว่าเป็น สลิป pay in ของธนาคารกรุงเทพสาขาสยามแสควร์มิใช่ธนาคารกรุงไทย คุณหนุ่ยและคุณสมศรีกอดกันและกระโดดด้วยความตื่นเต้นและยินดี
คุณหนุ่ยน้ำตาไหลด้วยความดีใจ บอกกับคุณสมศรีว่า " ฉันเจอแจ๊ดเก็ตแล้วศรี"
Pay in รายการนี้คุณหนุ่ยยื่นขอไปที่ศาลหลายครั้งแต่ก็ได้รับคำตอบว่าเอกสารทั้งหมดถูกทำลายไปหมดแล้วเพราะเกินเวลา 10 ปี แล้ว
คุณสมศรีบอกกับคุณหนุ่ยว่า เป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่จริงแล้วท่านได้สั่งให้คุณสมศรีทำลายเอกสารพวกนี้นานแล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ ทำให้คุณสมศรีไม่กล้าทำลาย ทั้ง ๆ ที่คุณสมศรีก็ไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ในกล่องเก็บเอกสารและมีึความสำคัญอย่างไร แต่คุณสมศรีก็เรียนท่านคนนั้นว่าทำลายเอกสารไปหมดแล้วตามคำสั่ง มาจนวันนี้ที่คุณสมศรีรู้สึกว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์จริง ๆ
คุณหนุ่ยและคณะกรรมการที่ไปตรวจค้นหาเอกสาร กลับไปที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจเวลา 18.30 น.คุณสันทัสก์ก็ยังรอคณะตรวจค้นหาเอกสารอยู่ที่บริษัท
คุณหนุ่ยบอกกับคุณสันทัสก์ว่า
" พี่ไม่ทราบจะขอบคุณคุฯสันทัสก์อย่างไรดี " และยื่นเอกสารให้
เมื่อถามว่าเหตุใดคุณสันทัสก์จึงยอมให้คุณหนุ่ยไปค้นเอกสารในโกดังเอง
คุณสันทัสก์ตอบว่า มี 2 เหตุผล คือ คิดว่าอย่างไรเสียคุณหนุ่ยก็ไม่มีทางหาเอกสารพบ และคุณหนุ่ยจะได้ไม่มากวนคุณสันทัสก์อีก และมีอีกสาเหตุคือคุณสันทัสก์ได้ไปเช็คสอบคำบอกเล่าของคุณหนุ่ยที่บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ พบว่าคำพูดของคุณหนุ่ยเป็นความจริงหมดจึงแอบคิดในใจว่า ถ้าที่คุณหนุ่ยพูดความจริงว่าไม่ได้ทุจริต แล้วบริษัท ฯ กำลังทำอะไรอยู่
นี่คือคำพูดของผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายของบริษัท ฯ ที่เป็นโจทก์ฟ้้องคุณหนุ่ยในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกเงินของบริษัทเป็นเงิน 196 ล้านบาท
คุณสันทัสก์ไ้ด้โทรศัพท์ไปหาทนายความที่เป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องคุณหนุ่ยและเคยเป็นลูกน้องเก่าของคุณหนุ่ย ทนายความบอกว่า Pay in นำเงินเข้าบัญชี 196 ล้านบาทนี้ยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าคุณหนุ่ยเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาต้องการหลักฐานยืนยันว่าเงินจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้า 10 กว่ารายที่บริษัทฟ้องอย่างไร
เมื่อคุณหนุ่ยถามคุณสมศรีว่า ยังมีเอกสารในยุคช่วงเวลาของคุณหนุ่ยหลงเหลืออีกบ้างไหม คุณสมศรีจึงสอบถาม คุณวีณาที่เคยเป็นลูกน้องคุณหนุ่ยอีกคนหนึ่งเช่นกัน
คุณวีณาผู้ซึ่งไม่ยอมไปให้การกับศาลตามข้อความที่มีการจัดเตรียมไว้ (ซึ่งเป็นเท็จ) เลยไม่มีโอกาสได้เติบโตในหน้าที่การงาน ยังคงอยู่ในตำแหน่งงานเดิม มา 10 กว่าปี
คุณวีณาบอกว่ายังมีลังเอกสารอีก 2 ลังที่เก็บไว้ตั้งแต่ครั้งคุณหนุ่ยยังอยู่ในบริษัท แต่เมื่อตรวจดูแฟ้มทุกแฟ้มจนหมดแล้ว ไม่ปรากฎมีเอกสารที่จะเป็นประโยชน์กับตัวคุณหนุ่ยเลย
คุณหนุ่ยซึ่งขณะนั้นมีความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มเปี่ยมในหัวใจว่า
"พระเจ้าทรงช่วยฉันถึงขั้นนี้แล้วฉันมั่นใจว่พระองค์จะทรงช่วยฉันจนถึงที่สุด "
และถามคุณสมศรีว่า ในตู้เซพของบริษัท ฯ มีแฟ้มในยุคคุณหนุ่ยเองเหลืออยู่บ้างไหม เป็นคำถามที่คุณหนุ่ยก็ไม่ทราบว่าทำไมใจจึงคิดไปถึงตู้เซพของบริษัท ฯ ขึ้นมาได้
คุณสมศรีตอบว่า จำได้ว่ามีแฟ้มอะไรปึกหนึ่งวางอยู่มุมห้องเซพตั้งนานแล้ว และไปหยิบแฟ้มนั้นมา
ทุกคนตื่นเต้นแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองแฟ้มปึกที่คุณสมศรีหยิบมานี้คือแฟ้มประวัติของลูกค้า 10 กว่าราย และมีรายละเอียดการนำใบหุ้นไปจำนำกับธนาคารกรุงไทย ฯลฯ ครบถ้วนตามที่คุณมนูญทนายความของบริษัท ฯ แจ้งกับคุณสันทัสก์
ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจมีการย้ายที่ทำการ 3 ครั้ง 3 สถานที่ แฟ้มทั้งหมดหลายแฟ้มเหล่านี้ก็ถูกย้ายและถูกเก็บไว้ในห้องเซพใหม่ทุกที่เช่นกัน โดยไม่มีใครสนใจและทราบเลยว่าแฟ้มเหล่านี้มีความหมายขนาดไหนกับชีวิตของนายเก่าของบริษัท ฯ พวกเขา
คุณหนุ่ยถามคุณสันทัสก์ว่า
"พี่ขอถ่ายเอกสารทั้งหมดเพื่อนำไปเสนอต่อศาลได้ไหม พี่แน่ใจว่าเมื่อศาลเห็นเอกสารทั้งหมดต้องพิพากษาให้พี่ชนะคดี เอกสารเหล่านี้พี่ได้ขอผ่านทนายความมาโดยตลอด แต่ทนายของบริษัท ฯได้แจ้งกับศาลว่าเอกสารของบริษัท ฯในยุคพี่ได้ถูกทำลายไปหมดแล้วเพราะมันเกิน เวลา10 ปี นี่ก็เท่ากับว่าทนายความของบริษัท ฯ ให้การเป็นเท็จต่อศาลใช่ไหม "
คุณสันทัสก์พยักหน้าช้า ๆและตอบว่า
" ไม่เพียงแต่ทนายความของบริษัท ฯ จะโดนข้อหารายงานเท็จเท่านั้น แม้แต่กรรมการบริษัท ฯ เองก็ต้องติดคุกในข้อหาฟ้องเท็จด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่ที่สั่งฟ้องพี่ เพราะเขาลงนามคู่กับพี่ในการไปกู้เงินกับธนาคารกรุงไทย แต่กลับสั่งให้ดำเนินคดีกับพี่่ในฐานฉ้อโกงบริษัทฯ
คณะกรรมการของบริษัท ฯ ทราบด้วยความตกใจหลังจากมีความเชื่อมาตลอดว่าคุณหนุ่ยเป็นคนทุจริต มาบัดนี้เรื่องกระจ่างชัดแล้วว่าคุณหนุ่ยเป็นผู้บริสุทธิ์และถูกใส่ร้าย มิเพียงเท่านั้น บริษัท ฯ ได้ตอบแทนการเสียสละส่วนตัวของคุณหนุ่ยที่ยอมเสียอนาคตของตนเองเพื่อบริษัทและลูกค้าที่ฝากเงิน ด้วยการทำลายชีวิตคุณหนุ่ยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
มีกรรมการท่านหนึ่งพูดว่า " เราถูกยืมมือให้ฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งเสียแล้ว "
คณะกรรมการของบริษัท ฯ ได้ลงมติให้ถอนฟ้องคุณหนุ่ยเป็นการด่วนและมอบหมายให้คุณสันทัสก์ มาเจรจากับคุณหนุ่ยไม่ให้คุณหนุ่ยฟ้องกลับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจและคณะกรรมการของบริษัท ฯ
วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2537 (ค.ศ 1994) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจทำคำร้องยื่นต่อศาลเพื่อขอถอนฟ้องคุณหนุ่ย
ทันที่ที่ศาลได้รับคำร้องดังกล่าวเป็นการยุติคดีอย่างสมบูรณ์
เจ้าหน้าที่ศาลซึ่งเป็นผู้พิมพ์คำให้การของลูกน้องเก่าที่ให้การฉอด ๆ เป็นฉาก ๆ ตามคำให้การที่จัดเตรียมไว้ของทนายความของบริษัท ฯ มาโดยตลอด ได้บอกกับคุณหนุ่ยว่า
"พี่น่าจะฟ้องคนที่ให้การเท็จมาตลอดด้วยนะ"
เจ้าหน้าที่ศาลคงคิดว่าอย่างไรเสียคุณหนุ่ยคงฟ้องกลับบริษัท ฯ และคณะกรรมการเพื่อเรียกร้องความเสียหายอย่างแน่นอน และเขาอยากให้คุณหนุ่ยลงโทษลูกน้องเก่าที่ทรยศให้ร้ายคุณหนุ่ยในศาลมาตลอด
ตุณหนุ่ยไปเข้าห้องน้ำจึงได้พบลูกน้องเก่าคนนั้นยืนร้องไห้อยู่ที่หน้ากระจก
เธอบอกคุณหนุ่ยว่า
"พี่หนุ่ย หนูขอโทษที่หนูต้องทำมาทั้งหมดเพราะหนูมีครอบครัว มีลูก 2 คน หากไม่ทำตามคำสั่งหนูก็ไม่ได้ขึ้นตำแหน่ง " เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก
คุณหนุ่ยไม่ทราบว่าเธอร้องไห้เสียใจต่อการกระทำของเธอ หรือเพิ่งเกิดความอับอายต่อการกระทำผิดบาปหรือกลัวคุณหนุ่ยจะด่าเธอหรือตบหน้าเธอ
คุณหนุ่ยบอกเธอว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้ ทุกอย่างมันจบแล้วและพี่ก็ให้อภัยเธอแล้ว " คุณหนุ่ยยิ้มและพยักหน้ากับเธอคนนั้นเดินออกจากห้องน้ำลืมธุระที่ตั้งใจมาห้องน้ำตั้งแต่แรก
ก่อนออกจากเขตของศาล คุณหนุ่ยก้มลงกราบธรณีศาลเป็นการลาและอธิษฐานในใจว่า
" นี่เป็นการลาครั้งสุดท้าย ชีวิตนี้จะไม่ขอมาเหยียบศาลอีก "
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถ คุณหนุ่ยร้องไห้น้ำตาไหลพรากอาบแก้มตลอดทางจนถึงบ้าน แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังหลั่งสายฝนโปรยปรายลงมาตลอดเช้าวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2537 (ค.ศ.1994)
คดีได้สิ้นสุดลงแล้ว จากวันที่ลาออกจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจจนถึงวันที่คดีสิ้นสุดเป็นระยะเวลา 14 ปี เป็นช่วงเวลาที่คุณหนุ่ยต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ต้องต่อสู้ด้วยตัวเองในทุกวิถีทางท่ามกลางความมืดมิดและหมดหวังจนคิดฆ่าตัวตายในคืนวันคริสต์มาสและผ่านพ้นคืนวันนั้นมาด้วยพระหรรษทานของพระเจ้า และไม่เคยคิดฆ่าตัวตายอีก คุณหนุ่ยบอกตัวเองว่าจะตายไม่ได้เพราะถ้าตายไปก่อนที่จะพิสูจน์ความจริงได้ชื่อเสียงที่เสื่อมเสียไปแล้วจะตกทอดไปถึงลูกหลาน
เป้าหมายในชีวิตของคุณหนุ่ยคือการพิสูจน์ตัวเอง จิตใจคุณหนุ่ยเต็มไปด้วยพลังของนักสู้ เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงคุณหนุ่ยได้ความเป็นธรรมกลับมา
แต่จริงละหรือว่าคุณหนุ่ยได้รับความเป็นธรรมแล้ว ชื่อเสียงของคุณหนุ่ยถูกทำลายย่อยยับ ผู้คนในสังคมรับรู้ว่าคุณหนุ่ยถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกเงินของบริษัท ฯ และคุณหนุ่ยหายตัวไปจากเมืองไทย เรื่องจบลงที่บริษัท ฯ ถอนฟ้องคุณหนุ่ย เป็นการจบเรื่องที่ง่าย ๆ และเงียบ ๆ ไม่มีผู้คนในสังคมรู้เรื่องนอกจากคณะกรรมการของบริษัทและตัวคุณหนุ่ยเอง
ครอบครัวและญาติพี่น้องคุณหนุ่ย ต่างพากันบอกคุณหนุ่ยว่าอย่าไปฟังคำขอร้องของคุณสันทัสก์ที่จะไม่ฟ้องกลับบริษัท ฯ แต่ควรฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายชดเชยชีวิตที่ยากลำบาก ชื่อเสียงเกียรติยศที่ถูกทำลายไปหมดสิ้น ในขณะนั้นบริษัท ฯ มีสินทรัพย์รวม ห้าหมื่นกว่าล้านบาท และตัวคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องก็คงไม่อยากติดคุก
คุณหนุ่ยก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ความทุกข์ทรมานอย่างลึกล้ำเกิดขึ้นโดยไม่ได้ทำอะไรผิดเลย และบัดนี้ฐานะการเงินของคุณหนุ่ยในขณะยุติคดีเป็นเส้นกราฟที่เป็นเส้นตรงในแนวราบเหมือนกราฟหัวใจคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว คุณหนุ่ยควรแก้แค้นเพื่อเอาชื่อเสียงที่ถูกทำลายกลับคืนมา และการชดเชยความสูญเสียทางการเงินในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
แต่ในคืนวันคริสต์มาสที่คุณหนุ่ยได้ให้อภัยพวกเขาทั้งหมดไปแล้ว เพราะพระหรรษทานของพระเจ้าที่คุณหนุ่ยได้สัมผัสก่อนที่จะให้อภัยได้ คุณหนุ่ยเองต้องสวดภาวนาขอให้พระประทานพร พลังใจในการให้อภัยพวกเขา หากคุณหนุ่ยยฟ้องกลับพวกเขาคุณหนุ่ยมิผิดต่อพระเจ้าละหรือ
คุณหนุ่ยไตร่ตรองอยู่หลายวันจนสรุปผลกับตนเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสนั้น ยิ่งใหญ่และมีค่ากับคุณหนุ่ยมากกว่าจำนวนเงินกี่ร้อยล้านก็ตามที่จะได้รับจากการฟ้องร้องคดี จึงตัดสินไม่ฟ้องกลับใคร ๆ ทั้งสิ้น ดูจะเป็นเรื่องโง่งี่เง่าที่สุดสำหรับการเป็นนักธุรกิจ แต่สำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในพระเจ้าเท่าคุณหนุ่ยในเวลานั้น นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด คุณหนุ่ยบอกกับครอบครัวและญาติ ๆว่า
"มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับพระเจ้า พวกเธอไม่เข้าใจ "
แต่การไม่ฟ้องกลับนี้มิได้ทำให้คณะักรรมการของบริษัทฯ ซาบซึ้งสำนึกในความมีคุณธรรมของคุณหนุ่ย คุณหนุ่ยขอให้บริษัทฯ ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น ก็อิดออดมาตลอด คุณหนุ่ยขอให้บริษัทฯ ทำจดหมายแจ้งความบริสุทธิ์ของคุณหนุ่ยไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เช่นกันโดยมีคำตอบว่าต้องรอให้คณะกรรมการบริษัท ฯ พิจารณาถึงผลกระทบทุก ๆ ด้านก่อน
ทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้คุณหนุ่ยก็จะคิดถึงพระเจ้าและการใหอภัยของตนเองแล้วก็จะบอกกับตัวเองว่า
"พระเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะละเมิดคำสัญญากับพระองค์ได้ "
ต่อมาเพื่อนคนหนึ่งคือคุณปิยะพงศ์ กณิกนันต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์อีกแห่งหนึ่งมีความเห็นอกเห็นใจคุณหนุ่ยและพาคุณหนุ่ยไปพบ คุณจรุง หนูขวัญ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คุณหนุ่ยได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งสำเนาการถอนฟ้องคดีของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจไปให้ดูเป็นหลักฐาน จุุดประสงค์เพื่อให้ท่านปลดชื่อคุณหนุ่ยออกจากบัญชีดำ หรือ blacklist เพื่อให้เกียรติประวัติของคุณหนุ่ยกลับมบริสุทธิ์ผุดผ่องปราศจากมลทินเช่นที่ผ่านมา
ซึ่งคุณจรุงได้บอกกับคุณหนุ่ยว่าชื่อของคุณหนุ่ยไม่เคยติดอยู่ในบัญชีดำของทางการเลย เพราะผู้ฟ้องมิใช่ทางการ เช่นธนาคารแห่งประเทศไทยหรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่เป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของเอกชนกันเอง ชื่อเสียงที่เสียไปไม่ได้เป็นประวัติด่างพร้อยของทางการแต่อย่างใด คุณจรุงได้แสดงความยินดีกับคุณหนุ่ยที่เรื่องราวจบลงอย่างใสสะอาด และสนับสนุนให้คุณหนุ่ยกลับเข้าวงการธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์อีกครั้งหนึ่งว่า
" วงการยังต้องการคนดีมีฝีมืออย่างคุณศรินทรนะ ผมอยากให้กลับมาอีก "
ทุกอย่างจบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว คดีก็จบแล้ว ชื่อเสียง (อย่างเป็นทางการ) ก็คืนกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว และควบคู่กับทุกทุกอย่างที่ได้จบลงอย่างสมบูรณ์
ดวงจันทร์อันถูกเมฆบัง
ในขณะที่ตกระกำลำบากอยู่ต่างแดน คุณหนุ่ยมีเป้าหมายในชีวิตที่ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง บัดนี้คุณหนุ่ยก็ก้าวมาถึงหลักชัยของเป้าหมายนั้นแล้ว ในขณะนั้นเพืื่อนฝูงผู้บริหารในยุคเดียวกับคุณหนุ่ย ต่างเจริญเติบโตก้าวหน้าในการงาน บ้างก็เป็นประธานกรรมการของบริษัทต่าง ๆ บ้างก็กลายเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีรวยหุ้นไปแล้ว แต่ตัวคุณหนุ่ยเองเป็นเพียงสตรีที่โลกลืม ชื่อเสียงเกียรติยศในวงสังคมพังทลายไปหมดสิ้น เพราะคดีได้จบลงโดยไม่มีผู้คนในประเทศไทยได้รับทราบเลย
เพื่อนฝูงผู้คนในสังคมที่ครั้งหนึ่งคุณหนุ่ยเคยรู้จักกันเกือบค่อนกรุงเทพฯ ต่างตีจากและลืมเลือนเพื่อนอย่างคุณหนุ่ยไปเกือบหมดแล้ว คุณหนุ่ยกลายเป็นบุคคลที่สังคมรังเกียจและเหยียดหยาม
คุณหนุ่ยไม่สามารถอ่านหนังสือพิมพ์ของแวดวงธุรกิจได้ เพราะทุกอย่างบนหนังสือพิมพ์เหล่านั้นมันหลอนดวงใจของคุณหนุ่ย
ในความว่างเปล่าของชีวิต คุณหนุ่ยได้แต่สงสารและสมเพชเวทนาตัวเอง ถามตัวเองว่า
"ทำไมจึงเกิดเรื่องราวเช่นนี้ ฉันทำอะไรผิดหรือ ทำไมฉันถูกลงโทษในสิ่งที่ฉันทำดี มันยุติธรรมแล้วหรือ ทำไม ทำไม และทำไม"
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งคิดยิ่งร้องไห้ คุณหนุ่ยคิดได้ ถามได้ แต่ไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง
แต่ในท่ามกลางความทุกข์ทรมานความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่งยวด คุณหนุ่ยไม่เคยโทษพระเจ้าเลยสักครั้งเดียว ความทุกข์ที่ได้รับอยู่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน ในขณะที่พระเจ้าได้ทรงช่วยคุณหนุ่ยมาโดยตลอด
คุณหนุ่ยเป็นเชลยสงครามชีวิต ความโหดร้ายทารุณที่เกิดกับชีวิตได้ผ่านไปแล้ว คดีก็จบลงแล้วแต่คุณหนุ่ยยังคงถามตัวเองเกือบทุกวันว่า
" ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปเพืออะไรกัน"
ในขณะที่เพื่อน ๆ นักธุรกิจคนอื่น ๆ กำลังก้าวหน้าต่อไปอย่างสมบูรณ์พูนสุข แต่คุณหนุ่ยเองอยู่ในสภาพที่น่าเอน็จอนาถและเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเช่นนี้ ทุกคืนก่อนนอนคุณหนุ่ยมีความหวังว่าพรุ่งนี้จะไม่ต้องตื่นขึ้นมา ทำอย่างไรจึงจะหลับใหลไปโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาได้
ต่อมาคุณหนุ่ยได้ช่วยสามีทำธุรกิจ สามีของคุณหนุ่ยเป็นวิศวกรทำงานเกี่ยวกับบริษัทจำหน่ายสินค้าด้านอุตสาหกรรม
เมื่อเริ่มพร้อมที่จะทำงานใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้จะไม่มีพื้นฐานทั้งการศึกษาหรือประสบการณ์กับงานด้านต่าง ๆ ของสามีเลย แม้จะเหนื่อยยากสักเพียงใดแต่คุณหนุ่ยก็ทุ่มเททั้งพลังกายพลังใจ จนคุณหนุ่ยได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งบนถนนศรีนครินทร์ซึ่งเพิ่งเริ่มตัดถนนใหม่ ๆ และเรื่มต้นทำธุรกิจตามความใฝ่ฝันของสามี ผ่านการเริ่มต้นใหม่ ขยายธุรกิจใหม่ ๆ จนสา่มารถเริ่มธุรกิจใหม่คือเปิดโรงงานผลิตฉากกั้นอาบน้ำ /ตู้อาบน้ำใช้ชื่อสินค้าว่า "SHOWERKING" ซึ่งเป็นฉากกั้นอาบน้ำ/ตู้อาบน้ำ บุกเบิกใหม่ในประเทศไทย ในขณะที่ธุรกิจกำลังจะไปรุ่ง ก็เกิดภาวะต้มยำกุ้งกับเศรษฐกิจไทย ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจกำลังตึงเครียดและคุณหนุ่ยได้รับผลกระทบมาก แม้จะยอมลดเงินเดือนตัวคุณหนุ่ยเองรวมทั้งระดับผู้บริหารทุกคนลงจากที่ได้รับอยู่ แต่ยังคงเงินเดือนของคนงานและพนักงานระดับล่างไว้ พนักงานคนใดทนไม่ได้อยากลาออกก็ปล่อยพวกเขาไป
เพราะธุรกิจของคุณหนุ่ยทั้งสองบริษัทต้องนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งขณะนั้นอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้เพิ่มค่าเงินบาทในการแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นทุกวันจากเดิมเงินบาท 25 บาท แลกเปลี่ยนได้หนึ่งดอลล่าร์สหรัฐ ฯ
ในช่วงภาวะเศรษฐิจที่เกิดกระแสรุนแรงเป็นระดับพายุเศรษฐกิจของชาตินี้ สามีคุณหนุ่ยก็ทิ้งครอบครัวไป ปล่อยให้คุณหนุ่ยดูแลลูก ๆ 4 คน และบริษัท ตามลำพัง ทั้งโดดเดี่ยวเดียวดาย อ้างว้างและว้าเหว่ยิ่งนัก
หมายเหตุ
แต่ละบริษัทหรือหน่วยงานต่าง ๆ ต่างมีระเบียบการจัดเก็บเอกสารและการทำลายเอกสาร ซึ่งจะมีรายละเอียดแต่ละประเภทของเอกสารว่าเก็บอย่างไร ทำลายได้เมื่อไร
สำหรับวงการการเงินหากเป็น สลิป Pay in (ใบรับฝาก ) หรือรายการถอนเงินในบัญชี หากเกินกำหนด 10 ปี ระเบียบจะให้ทำลายเอกสารทิ้ง
แต่สำหรับรายการเปิดบัญชีต่าง ๆ ของลูกค้า เก็บไว้จนกว่าลูกค้าจะปิดบัญชี แล้วจะมีรายละเอียดด้านใบเปิดบัญชีที่มีการปืิดบัญชีไปแล้วอีกระเบียบหนึ่งสำหรับการทำลายเอกสาร
ดิงโก
ดิงโก (อังกฤษ: Dingo; ชื่อวิทยาศาสตร์: Canis lupus dingo) เป็นสุนัขป่าชนิดหนึ่ง พบได้เฉพาะที่ออสเตรเลียเท่านั้น ดิงโกเป็นสุนัขป่าเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายสุนัขบ้านมากที่สุด จึงสันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของดิงโก สืบเชื้อสายมาจากสุนัขบ้านจากเอเชียอาคเนย์ (รวมถึงประเทศไทยด้วย) โดยเข้ามาอยู่ในออสเตรเลียเมื่อราว 3,000-4,000 ปีก่อน ดิงโกจัดเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้นในวงศ์สุนัข (Canidae) ที่พบในออสเตรเลีย
ดิงโกเป็นสุนัขป่าขนสั้น หางเป็นพวง สีขนมีหลากหลายมาก ส่วนใหญ่จะเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง ในบางตัวอาจมีสีเทาหรือแดง แม้กระทั่งขาวล้วนหรือดำล้วนก็มี มีอุปนิสัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีนิสัยดุร้ายและปราดเปรียวมาก แม้พื้นที่ ๆ อาศัยอยู่จะเป็นทะเลทรายหรือที่ราบกว้างใหญ่ แต่ดิงโกก็สามารถป่ายปีนก้อนหินหรือหน้าผาได้อย่างคล่องแคล่ว
ดิงโกจัดเป็นสัตว์อันตรายชนิดหนึ่งในออสเตรเลีย โดยจะโจมตีใส่สัตว์เลี้ยงของมนุษย์เช่น แกะ หรือ ม้า ได้ แม้กระทั่งโจมตีใส่มนุษย์และทำร้ายจนถึงแก่ความตายได้ด้วย
ดิงโกเป็นสุนัขที่ไม่เชื่อง ดังนั้น จึงตกเป็นสัตว์ที่ถูกล่าในศตวรรษที่ผ่านมา
ปัจจุบัน ดิงโก มีสถานะที่มีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ ในทางตอนใต้และตะวันออกของออสเตรเลีย มีการแบ่งเขตเป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์ดิงโก เพื่อไม่ให้ดิงโกเข้ามาปะปนกับมนุษย์หรือสัตว์ชนิดอื่น โดยกั้นเป็นรั้วยาวกว่าครึ่งของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจัดเป็นแนวรั้วที่ยาวที่สุดในโลก
ขอขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
สำหรับภาพประกอบบทความ
ขอขอบคุณภาพนก จากเรือนลำพูรีสอร์ท
ขอขอบคุณและกราบขออภัยท่านเจ้าของภาพอื่น ๆ ที่คัดลอกมาจาก internet และ save เก็บไว้นานหลายปีแล้วซึ่งค้นหาที่มาของภาพไม่พบแล้ว