วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ฃีวิตจริงที่ยิ่งกว่าบทประพันธ์ 3 ของศรินทร
บุษบาเบ่งบาน...ขานรับอรุณ
ต่อมาในวงธุรกิจของประเทศไทย ก็มีบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ก่อตั้งขึ้นมามากมาย
และคุณชัยนรินทร์ ศรีเฟื่องฟุ้ง ถูกเชิญไปเป็น VP ที่บริษัท Chase Manhattan investment (Thailand ) Co.Ltd ( CMIC ) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคาร Chase Manhattan ในสมัยนั้น และไม่นานนักนัก ก็ชวนคุณหนุ่ยตามไปร่วมงาน ในตำแหน่ง Marketing Executive และได้ร่วมงานกับคุณพัชรี รัตตกุล ( คุณหญิงพัชรี รัตตกุล) โดยเป็นเพื่อนร่วมงานกัน
การทำงานที่ CMIC แห่งนี้ คุณหนุ่ยได้ใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังของ Working Woman เต็มที่ โดยเป็นสมาชิกของสมาคม Bangkok Toastmistrees Club เป็นอาจารย์พิเศษสอนภาษาอังกฤษที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เป็นคอลัมนิสต์เขียนในหนังสือกุลสตรี และเป็นสมาชิกของสมาคมสตรีต่าง ๆ เกือบทุกสมาคมในกรุงเทพ ฯ
สมาคม Bangkok Toastmistrees Club นั้น
เป็นสมาคมฝึกพูดนานาชาติ ซึ่งในครั้งนั้นมีสมาชิกเป็นสตรีล้วน ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด วัตถุประสงค์ของสมาคมคือ ฝึกให้สมาชิกมีความสามารถในการพูดในที่ชุมชน การเป็นผู้นำ การควบคุมการประชุมอย่างเป็นทางการ การฟังในเชิงวิเคราะห์ และการรู้จักประเมินผล สมาชิกส่วนใหญ่เป็นสตรีต่างชาติอยู่ในอายุรุ่นคุณแม่ของคุณหนุ่ย มีสมาชิกที่เป็นคนไทยอีกท่านคือ คุณพงา ฟูตระกูล (เจ้าของโรงแรม Royal Cliff Beach ) ซึ่งกลายเป็นเพื่อนสนิทของคุณหนุ่ยในขณะนี้
คุณหนุ่ยชนะการประกวดในการแข่งขันต่าง ๆ ใน Club ไม่ว่าจะเป็นการพูด การโต้วาทีการเป็นผู้วิเคราะห์ผู้พูดท่านอื่น ๆ ฯลฯ ต่อมาได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม ฯ ด้วยวัยเพียง 22 ปี และเป็นดาราประจำข่าวหน้าสังคมของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post เพราะมีสมาชิกของสมาคม เป็น social Editor ของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post Gerry
ต่อมาวันหนึ่งก็มีโทรศัพท์จากเลขานุการของกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารทหารไทย ให้ไปพบในฐานะ Marketing Executive ของ CMIC หลังจากทักทายทำความเคารพแล้ว ท่านได้แสดงความจำนงซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวนหนึ่ง และเสนอเงินเดือนอีกเท่าตัวหนึ่งจากที่คุณหนุ่ยได้รับอยู่ เพื่อการย้ายไปทำงานที่ธนาคารทหารไทย แต่คุณหนุ่ยได้แต่ขอบพระคุณในข้อเสนอนั้นเท่านั้น
ไม่นานนัก คุณสุขุม นวนพันธ์ ได้เรียกคุณหนุ่ยเข้าไปพบกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารทหารไทยอีกโดยได้รับข้อเสนอใหม่ ในการเข้ามาเป็นผู้บริหารคนแรกของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ที่ธนาคารทหารไทยกำลังจะจัดตั้ง
ในที่สุดด้วยวัย 25 ปี ของคุณหนุ่ย คุณหนุ่ยได้ สร้าง Triple minority ให้ตัวเอง คือ
1.เป็นสตรีคนแรกที่ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ในสมัยนั้น
2.เป็นสตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในการดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ในขณะนั้น
3.เป็นผู้ที่รับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์โดยไม่ทราบว่าจะได้รับเงินเดือนเท่าไร
โดยที่คุณหนุ่ย เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอขอทดลองงานเป็นเวลา 6 เดือน หากไม่ประสบผลสำเร็จจะเป็นฝ่ายขอลาออกเอง
คุณสุขุม แจ้งว่า เพื่อเป็นการช่วยคุณหนุ่ยในช่วงเริ่มต้น คุณสุขุมได้เสนอ ให้ ดร.ภรต พานิชภักดิ์ ( VP ของธนาคารทหารไทย ) ช่วยคุณหนุ่ยก่อนในตำแหน่ง GM คุณหนุ่ยเป็น AGM เมื่อคุณหนุ่ยพิสูจนฺ์ฝีมือแล้ว ดร.ภรต กลับไปที่ธนาคาร
3 เดือนต่อมา คุณหนุ่ยก็ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการ และ ดร. ภรต กลับธนาคาร
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ เริ่มธุรกิจด้วยทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 25 ล้านบาท เปิดทำการในวันที่ 24 ตุลาคม 2517 (ค.ศ. 1974 ) ต่อมาได้เพิ่มทุนเป็น 40 ล้านบาท ด้วยการสนับสนุนของธนาคารทหารไืทย คุณหนุ่ยได้บริหารงานจนบริษัทเติบโตมีสินทรัพย์เกือบ 1,000 ล้านบาท ในเวลา 5 ปีต่อมา ในช่วงนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ก่อตั้งสำเร็จ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจได้เข้าเป็นสมาชิกของตลาด ฯ ในกลุ่มแรกได้หมายเลข โบรกเกอร์เบอร์ 4
ตลาดหุ้นบูมกันอย่างคึกคัก พนักงานในแผนกที่เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นทำงานกันเหนื่อยมาก บางครั้งต้องทำงาน 24 ชั่วโมง ก็มี แต่ผลตอบแทนของความเหน็ดเหนื่อยของพนักงานเหล่านั้น ก็คือโบนัส คนละ 12 เดือน
ต่อมาคุณสุขุม นวพันธ์ ได้ขอ Early retirement ด้วยวัยเพียง 55 ปี และปรารถนาที่จะขายหุ้นของท่านเองในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจทั้งหมดให้แก่ผู้เหมาะสม ซึ่งท่านได้หมายมั่นในใจไว้หลายท่าน ซึ่งล้วนแต่เป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าในขณะนั้น
เมื่อข่าวการจะขายหุ้นแพร่ออกไปก็มีผู้แสดงความสนใจจะซื้อหุ้นของคุณสุขุม หลายต่อหลายคนเพราะชื่อเสียงของบริษัทนั่นเอง
มีผู้ใหญ่ในวงการเดียวกัน และเป็นกรรมการของสมาคม Thai Securities Under writers and Finance Association เช่นเดียวกับคุณหนุ่ย เสนอให้คุณหนุ่ยซื้อหุ้นของคุณสุขุม โดย เป็นผู้สนับสนุนเรื่องเงินให้คุณหนุ่ย
ซึ่งคุณสุขุม เองท่านเห็นด้วยว่าคุณหนุ่ยนั้นเหมาะสม เพราะคุณหนุ่ยได้สร้างความเจริญเติบโตของบริษัทมากับมือภายในเวลาเพียง 5 ปี
ด้วยวัย 30 ปีเศษ คุณหนุ่ยเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยในขณะนั้น
การประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยวัยอันน้อยนิดนี้ คุณแม่ของคุณหนุ่ยได้เตือนสติคุณหนุ่ยอยู่เสมอด้วยความรักความเป็นห่วงว่า
" เสี้ยวนี้เส่งกง หกบ่กู่ตึ้ง "ซึ่งแปลว่า " ความสำเร็จที่ได้มาในเยาว์วัย มักจะอยู่ได้ไม่นาน "...
กลีบผกา....ใต้แสงสุริยาอันร้อนแรง
หลังจากซื้อหุ้นจากคุณสุขุมไม่ถึงปี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เกิดวิกฤตเป็นครั้งแรก ด้วยปัญหาของหุ้น ราชาเงินทุน การที่ตลาดหุ้นพัง หรืิอ "crash" เป็นสงครามชีวิตของคนเล่นหุ้น เพื่อนคนหนึ่งของคุณหนุ่ย ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์อีกแห่งหนึ่ง ได้ปลิดชีพตนเองเพราะขาดทุนยับเยินจากการเล่นหุ้น
จากวิกฤตนี้ประชาชนที่ได้ฝากเงินโดยการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน ต่างตกใจและรุมกันถอนเงินคืน
สนานการณ์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ในขณะนั้นเหมือนคนที่ถูกกรีดด้วยมีดมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุด ทุก ๆ วันมีแต่ประชาชนแห่กันไปถอนเงิน ซึ่งวันหนึ่งก็ไม่มีเลือดจะไหลออกมาจากบาดแผล ต่อให้เป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่สักเท่าไรก็ตามหากประสบปัญหานี้ วันหนึ่งก็ต้องล้มครืนลงมาแน่นอน
เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจก็คือ มีคนลงข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐหน้า 4 ว่า ในขณะนั้นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ มิได้เป็นบริษัทในเครือของธนาคารทหารไทย แล้ว 2 ครั้ง ในระยะเวลา 1 เดือน แน่นอนว่าบรรดาลูกค้าของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ ต่างพากันมาถอนเงิน บางรายก็ยังบอกว่ามีผู้ใหญ่ที่ธนาคารทหารไทยบอกให้มาถอนเงิน
คุณหนุ่ยพยายามสุดชีวิตที่จะหาเงินมาให้ลูกค้าถอน แม้บริษัทจะมีลูกหนี้ชั้นดีมากมายก็ตามทีแต่เป็นไปไม่ได้ที่บริษัทจะไปเรียกเงินคืนมาจากลูกหนี้เหล่านั้นเกินข้อตกลงที่ทำกันไว้
รัฐบาลได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง หนึ่งในมาตรการนั้น คือให้บริษัทหลักทรัพย์นำใบหุ้นที่อยู่ใน port ไม่ว่าของบริษัทหรือของลูกค้าไปจำนำที่ธนาคารกรุงไทยเพื่อแลกเป็นเงินสดมาเสริมสภาพคล่อง
ในท่ามกลางแสงริบหรี่จวนดับมอดของความหวังของคุณหนุ่ยแม้จะได้แสงสว่างส่าดส่องเข้ามาในความมืดมนนั้นจาากมาตรการที่เพิ่งประกาศของรัฐบาล แต่อัตราความเร็วของของการเอาหุ้นไปจำนำกับธนาคารกรุงไทยเพื่อแลกเงินสดกับพลังแรงของลูกค้าที่มารุมถอนเงินรายวันนั้นไม่สมดุลกัน
เมื่อใบหุ้นของบริษัท ฯ จวนเจียนจะนำไปจำนำหมดนั้น คุณหนุ่ยเกิดความคิดว่าหากสามารถหาใบหุ้นมาได้มากกว่าที่มีอยู่ ก็จะสามารถนำไปหุ้นไปแลกเงินสดมาจ่ายให้ลูกค้าที่ถอนเงิน
เพื่อนนักธุรกิจที่สนับสนุนให้คุณหนุ่ยซื้อหุ้นจากคุณสุขุม นวพันธ์ นั้น เป็นเจ้าของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์อีกแห่งหนึ่ง เพื่อนท่านนี้ให้ให้ความช่วยเหลือ โดยให้เพื่อนและลูกน้องจำนวนสิบกว่าคนมาเปิดบัญชีซื้อหุ้นแบบมาร์จินกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในขณะนั้นเป็นการเคาะกระดานโดย trader ของแต่ละโบรคเกอร์ การเจาะจงซื้อขายหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจากโบรคเกอร์ใดโบรคเกอร์หนึ่ง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้โดยผู้ซื้อวางเงินจำนวนหนึ่ง ( น่าจะเป็น 25 % ) ก็จะซื้อหุ้นได้ 100 % เงินที่ทีมลูกต้าชุดนี้นำมาวางเป็นหลักประกันมาร์จินนั้นเป็นเงินของเพื่อนคุณหนุ่ยคนนี้ เงินที่เหลืออีก 75 % ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจต้องจ่ายให้แก่โบรคเกอร์ขายนั้น เพื่อนนักธุรกิจผู้นี้นำมาในรูปของเงินฝากแบบซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน
เพื่อนท่านนี้ทำให้คุณหนุ่ยซาบซึ้งใจมาโดยตลอดว่าในวงการทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นสมัยไหน ๆ จะมีใครที่มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนทางธุรกิจด้วยกันถึงขนาดนี้
แต่แล้วการดิ้นรนช่วยเหลือไม่ให้บริษัทล้มครืนลงมาและส่งผลกระทบไปยังบรรดาลูกค้าเงินฝาก ด้วยความดิ้นรนแบบสุดจิตสุดใจและสุดความสามารถเช่นนี้ แทนที่จะมีผู้เข้าใจและเห็นคุณค่าของความพยายามของคุณหนุ่ย การณ์กลับกลายเป็นว่าการช่วยเหลือบริษัทด้วยวิธีการดังกล่าวกลายเป็นสาเหตุให้คุณหนุ่ยต้องประสบวิบากกรรมในชีวิตอย่างสุดแสนสาหัสในเวลาต่อมา
จำนวนเงินที่ได้มาจากลูกค้าซื้อหุ้นแบบมาร์จินและนำใบหุ้นไปจำนำกับธนาคารกรุงไทย นั้น เป็นจำนวนเงิน 196 ล้านบาท
ผู้บริหารวัยเพียง 31 ปีอย่างคุณหนุ่ยตกอยู่ในสภาพการบริหารงานที่วิตกกังวล ความเหนื่อยยาก ความหมดหวังในบางครั้งในครั้งนั้นหากไม่มีคนประสบปัญหานี้ด้วยตัวเองก็คงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคุณหนุ่ยในขณะนั้นได้
เพียงพริบตาเดียวเงิน 196 ล้านบาทที่ได้มาจากกการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของคุณหนุ่ยก็ถูกถอนไปเกือบหมด คุณหนุ่ยวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วได้แต่บอกกับตัวเองว่า "จบแล้ว "
คุณหนุ่ยไปพบผู้ว่าการแห่งประเทศไทย โดยการนำพาของคุณณรงค์ จุลชาติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในขณะนั้น จึงทราบว่ายังมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์อีกหลายแห่งที่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นเดียวกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ
รัฐบาลได้ออกมาตรการใหม่เพื่อประคับประคองบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทั้งหลายที่อยู่ภาวะวิกฤต โดยมีเงื่อนไขหลัก 2 ประการ คือ
1. เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดต้องโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่ธนาคารกรุงไทย โดยธนาคารจะโอนคืนให้หลังจาก 10 ปี
2. ลูกค้าที่ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน (หรือลูกค้าเงินฝาก) ที่มียอดเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไปจะไม่ได้รับดอกเบี้ย แต่จะได้รับเงินต้นคืน ปีละ 10 % ในขณะนั้นดอกเบี้ยของตัวสัญญาใช้เงินอยู่ระหว่าง 12%-15% ต่อปี ซึ่งหมายความว่าลูกค้าเหล่านั้นจะได้เงินคืนแต่ละปีเพียงใกล้เคียงกับดอกเบี้ยที่ได้รับอยู่เท่านั้น
การเข้าสู่วงการการเงินตั้งแต่แรกนั้น คุณหนุ่ยได้รับการแนะนำจากคุณแม่อธิการิณีของโรงเรียนมาร์แตร์เดอีวิทยาลัย เมื่อคุณหนุ่ยเติบโตขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ คุณแม่อธิการิณีผู้ซึ่งรักคุณหนุ่ยมาก ได้กรุณาแนะนำโรงเรียนคาธอลิค ต่าง ๆ ให้มาใช้บริการของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ ในขณะที่เกิดวิกฤตร้ายแรงนี้ โรงเรียนคาธอลิคในกรุงเทพฯ เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนมาร์แตร์เดอีวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์โยเซพคอนแวนต์ โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ฯลฯ
คุณหนุ่ยทุกข์ทรมานใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ เป็นที่สุด การโอนหุ้นของคุณหนุ่ยให้ธนาคารกรุงไทย จะได้รับการโอนกลับมาหลังจาก 10 ปี เป็นประโยชน์กับคุณหนุ่ย
แต่กับบรรดาลูกค้าเงินฝากทั้งหลายโดยเฉพาะบรรดาโรงเรียนคาธอลิคที่เป็นลูกค้าเงินฝากของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ จะได้เงินคืนเพียงปีละ 10 % เป็นเวลา 10 ปี คุณหนุ่ยจะเป็นคนบาปหนักที่สุดในประเทศไทย เช่นนี้แล้ว คุณหนุ่ยจะทำอย่างไรดี
คุณหนุ่ยได้แต่พร่ำสวดภาวนาต่อพระแม่มารีอาตามที่ถูกพร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน และในที่สุดคุณหนุ่ยก็ตัดสินใจว่า
จะเห็นแก่ตัวเองไม่ได้ คุณหนุ่ยได้แต่บอกตัวเองว่า ตัวเองอายุยังน้อยหากต้องประสบภาวะถึงต้องล้มละลายไปก็ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้
แต่บรรดาลูกค้าเงินฝากโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนคาธอลิคทั้งหลายในกรุงเทพ ฯ จะได้รับเคราะห์กรรม จากคุณหนุ่ยไม่ได้
โดยทางเลือกสุดท้ายของคุณหนุ่ย คุณหนุ่ยตัดสินใจขายหุ้นที่ได้จากการซื้อหุ้นจากคุณสุขุม นวพันธ์ เมื่อปีก่อนคืนให้กับธนาคารทหารไทย เพราะในขณะนั้นคุณสุขุมใกล้เกษียณตัวเองเต็มทีแล้ว
ในที่สุดธนาคารทหารไทยได้มีมติซื้อหุ้นทั้งหมดของคุณหนุ่ยด้วยราคา Book value ในขณะนั้น และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจก็กลับไปเป็ยบริษัทในเครือของธนาคารทหารไทย อีกครั้ง
คุณหนุ่ยนำนาวาเข้าสู่ฟากฝั่งได้สำเร็จ แม้จะประสบพายุคลื่นลมแรงกลางทะเลจวนจะอับปางลงกลางกระแสปั่นปวนในมหาชลาลัย
แต่คุณหนุ่ยก็นำเรือเข้าสู่ฝั่งได้โดยทุกคนปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นลูกเรือ ผู้โดยสาร และคาร์โก้ทุกชิ้นบนนาวาลำนี้
บรรดาลูกเรือหรือก็ึคือพนักงานทุกคนของบริษัท ต่างดีอกดีใจที่บริษัทผ่านพ้นวิกฤตมาได้ แต่ไม่มีใครได้เห็นสภาพของคุณหนุ่ยในคืนที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจกลับไปเป็นบริษัทในเครือของธนาคารทหารไทยอีกครั้งหนึ่ง
เลือดทุกหยด พลังงานทุกอณูและกำลังวังชาที่มีอยู่ในร่างกายของคุณหนุ่ย ได้อันตรธานเหมือนถูกสูบออกจากร่างกายของคุณหนุ่ยไปหมดสิ้น คุณหนุ่ยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซอมบี้มีแต่ร่างกายเท่านั้นไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยคงมีแต่ลมหายใจและร่างอันอ่อนระทวยเท่านั้น
คุณหนุ่ยคิดว่าเมื่อนำนาวา นวธนกิจ จอดเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นอันหมดหน้าที่ของคุณหนุ่ยแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือคุณหนุ่ยเองหมดสิ้นเรี่ยวแรงกำลังวังชาที่จะทำงานต่อไป และด้วยความรู้สึกรับผิดชอบ แม้ว่าคุณหนุ่ยเองก็เป็นเหยื่อรายหนึ่งของสถานะการณ์ของสถาบันทางการเงินสถาบันหนึ่งของประเทศชาติในขณะนั้น คุณหนุ่ยจึงตัดสินใจขอลาออก เพื่อให้บริษัทหาผู้เหมาะสมกว่ามาบริหารบริษัทต่อไป แม้จะได้รับการค้ดค้านและขอร้องให้อยู่บริหารงานต่อ แต่คุณหนุยก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ให้เวลา 1 เดือนในการมอบหมายงานแก่ผู้ที่จะมารับตำหน่งต่อจากคุณหนุ่ย
ก่อนถึงวันสุดท้ายของการทำงาน คุณหนุ่ยถูกเชิญไปประชุมซึ่งเป็นกิจกรรมปกติสำหรับผู้บริหารอย่างคุณหนุ่ย
คุณหนุ่ยจำได้ว่าวันนั้นเป็นเวลา 16.00 น.ที่คุณหนุ่ยไปที่ห้องประชุมชั้น 24 ของธนาคารมหารไทยสำนักงานใหญ่อยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อไปถึงก็รู้สึกแปลกใจที่ไม่มีผู้ใหญ่ท่านอื่น ๆ มาร่วมประชุมด้วยเหมือนทุกครั้ง แต่กลับมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่หน้าห้อง 2 คน เมื่อเดินเข้าไปห้องก็พบเพียงผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เคยแสดงความจำนงในการขอซื้อหุ้นของคุณสุขุม นวพันธ์ ตั้งแต่แรกเพียงคนเดียว พร้อมกับเอกสารบางอย่างวางอยู่บนโต๊ะ และได้รับคำบอกกล่าวว่า
"คุณหนุ่ยช่วยเซ็นให้หน่อย ไหน ๆ คุณก็จะไปอยู่แล้ว " ...
ในขณะนั้นลายเซ็นของคุณหนุ่ยแต่เพียงผู้เดียวก็สามารถผูกพันแทนบริษัทได้
เมื่อคุณหนุ่ยอ่านข้อความในเอกสารปึกนั้นแล้วก็ตอบว่า
"หนุ่ยเซ็นให้ไม่ได้ค่ะ "...
จาก เวลา 16.00 น.ถึงเวลา 23.00น. ผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ใช้ความพยายามทั้งการหว่านล้อม การขู่ การปลอบ เพื่อให้คุณหนุ่ยลงนามในเอกสารดังกล่าว คุณหนุ่ยเป็นคนที่หากเป็นเรื่องที่มีเหตุผล มีความถูกต้องชอบธรรม คุณหนุ่ยจะยอมทำให้ได้ทุกอย่างแม้แต่ให้ชีวิตก็ยอมให้ได้ แต่หากถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่คุณหนุ่ยคิดว่าผิดหลักกการแล้ว แม้จะเอาปืนมาจ่อที่ศีรษะแล้วคุณหนุ่ยก็จะยอมให้เขาลั่นไกไปเลย
คุณหนุ่ยประเมินสถานะการณ์ว่า ณ ที่แห่งนั้นคือห้องประชุมของธนาคาร การจะทำร้ายร่างกายคุณหนุ่ยคงเป็นไปไม่ได้ จึงตัดสินใจด้วยการนั่งหลับตาและสองมือกอดอกไว้
7 ชั่วโมงผ่านไป ไม่มีแม้แต่น้ำดื่มและอาหารใด ๆ ในที่สุดคุณหนุ่ยก็ขออนุญาตโทรศัพท์กลับไปที่บ้านโดยอ้างว่าสามีคงห่วงใยที่ภรรยาหายไปไหนโดยไม่บอกกล่าว สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ เมื่อเสร็จจากการโทรศัพท์ไปที่บ้านแล้ว คุณหนุ่ยก็บอกกับผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า
" ท่านต้องปล่อยให้หนุ่ยกลับบ้านแล้วนะคะ เพราะมิฉะนั้นสามีจะไปแจ้งความ แล้วพรุ่งนี้จะมีข่าวลงหนังสือพิมพ์หน้า 1 ว่าท่านกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้จัดการสาวในยามวิกาลบนชั้น 24 ของธนาคาร "
ก่อนเดินออกจากห้องท่านผู้ใหญ่ท่านนั้นชี้นิ้วมาที่คุณหนุ่ยและประกาศว่า
" จำไว้ วันหนึ่งคุณจะเสียใจ "
คุณหนุ่ยไม่ทราบเลยว่า สิ่งที่ได้ทำและไม่ได้ทำในคืนนั้นจะเป็นต้นเหตุให้คุณเหนุ่ยต้องเสียเวลาฃีวิตของตนเองไปเกือบ 2 ทศวรรษ ในเวลาต่อมา
ป้ายกำกับ:
[บทความ]
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น