วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

นครกุสินารา ๓




ขอขอบคุณภาพจากwww.dmc.tv

ในสมัยแห่งกาลเสด็จปรินิพพาน พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ สาลวัน ใกล้กรุงกุสินารา
พระอานนท์กราบทูลขอร้องว่า

ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า อย่าเสด็จปรินิพพานในเมืองเล็ก เมืองดอน กิ่งเมือง เช่นนี้เลย เมืองใหญ่เช่น ราชคฤห์ สาวัตถึ โกสัมพี พาราณสี    เหล่ากษัตริย์ พราหมณ์มหาศาล คฤหบดีมหาศาล ที่เลื่อมใสในพระตถาคตมีอยู่มาก ท่านเหล่านั้นจักกระทำสักการะบูชา สรีระของพระตถาคตเจ้า "

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

"อานนท์ กุสินารานี้แต่ปางก่อนเป็นราชธานีมีนามว่า กุสาวดี พระเจ้ามหาสุทัสสนะเป็นกษัตริย์ ได้รับมธุราภิเษกทรงเป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ กุสาวดีเป็นเมืองที่มั่งคั่ง รุ่งเรือง มีชนมาก มีภักษาหาได้ง่าย กุสาวดีราชธานี ไม่เคยเงียบจากเสียงช้าง เสียงม้า เสียงรถ เสียงกลอง เสียงตะโพน เสียงพิณ เสียงขับร้อง เสียงกังสดาล เสียงประโคม และเสียงชนทั้งหลายว่า ท่านจงมาดื่ม จงมาบริโภคเถิด ทั้งกลางวันและกลางคืน "

พระพุทธองค์ตรัสเล่าถึงอานิสงส์แห่งทาน ที่พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงได้รับในครั้งนั้นว่า

พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงถวายทานในสมณะทั้งหลายด้วยสมณบริขาร อุปถัมภ์พราหมณ์ ทั้งหลายด้วยพราหมณบริขาร ทรงดำริจัดหาความสุขแก่ชาวนครของพระองค์ โดยให้ทานแก่มหาชนทั้งหลาย ด้วยเครื่องอุปโภค บริโภค และวัตถุที่ต้องการทั้งปวงของชนเหล่านั้น ผู้ใดปรารถนาสิ่งใดก็รับเอาไป การงานอย่างอื่นของชาวนครทั้งหลายไม่มี ชาวชมพูทวีปบริโภคทานของพระราชาเท่านั้น

พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ทรงประพฤติพรมจรรย์ ทรงเจริญพรหมวิหารธรรม ๔  หลังจากสวรรคตได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลกแล้ว



ขอขอบคุณภาพจาก http://www.naryak.com/forum/บึงบอระเพ็ด-f1-t83.html


พระพุทธองค์ตรัสสอนพระอานนท์ว่า

"อานนท์เธอจงดูเถิด สังขารเหล่านั้นล่วงไป ดับไป แปรไปหมดแล้ว อานนท์ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ ไม่น่ายินดีเหล่านี้ อานนท์ เพราะเหตุนี้ควรจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง เพราะเมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณรูเว่า ชาติสิ้นแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว"

เมื่อได้พรรณนาความรุ่งเรืองแห่งกรุงกุสาวดีให้พระอานนท์ฟัง


ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.oknation.net/blog/suthichai/page18

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า

"อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะในสมัยนั้นคือเราตถาตคในปัจจุบัน เราย่อมรู้ที่ทอดทิ้งร่างกาย อานนท์ เราไม่เห็นสถานที่ใดในโลก ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ทั้งหลายทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ที่ตภาคต จะทอดทิ้งร่างกายเป็นครั้งสุดท้าย นอกจากสถานที่นี้ "

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี (ว.ป.วีรยุทฺโธ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น