นี่คือ....ชาวอักษรศาสตร์
คุณ มณฑาทิพย์ คุณวัฒนา เก่งภาษาอังกฤษมาก ๆ หลวงพี่อโณทัย (พระพี่ชายคนโต) ของพลอยโพยมชื่นชมเสมอมาตั้งแต่ปี 2546 หลังจากได้เข้าปฎิบัติธรรมกับพระวิปัสสนาจารย์เชมเย สยาดอ
การแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เป็นเรื่องธรรมดาของคนยุคนี้ หากแต่คุณมณฑาทิพย์ คุณวัฒนา แปลภาษาอังกฤษจากเนื้อหาการแสดงธรรมของพระวิปัสสนาจารย์เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ และพลอยโพยมคิดว่า ไม่มีใครมีความสามารถเสมอเหมือน ซึ่งพลตำรวจตรี นรวัฒน์ เจริญรัชต์ภาคย์ นายกสมาคมของยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เองก็ชื่นชมคุณมณฑาทิพย์ คุณวัฒนา กล่าวยกย่องชื่นชมเสมอมาโดยตลอด
การแปลธรรมะจากการแสดงธรรมเป็นภาษาอังกฤษ นั้น นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์แล้ว คุณมณฑาทิพย์ คุณวัฒนา เป็นผู้มีความรู้ลึกซึ้งในพระพุทธศาสนา ทั้งพระธรรมคำสอนและการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน คุณมณฑาทิพย์ คุณวัฒนา มักเพิ่มเติมรายละเอียดของพระอาจารย์ ให้เข้าใจกระจ่างแจ้ง ลึกซึ้ง คล่อง ทั้งภาษาบาลี ทั้งภาษาธรรมะแบบ ไทย ๆ เข้าใจง่าย ภาษาอังกฤษแตกฉาน เหนืออื่นใดคือความสละสลวยในการใข้ถ้อยคำในการแปลธรรม ตัวอย่าง ง่าย ๆ เช่นคำว่ามรรคมีองค์แปด หรือวิสุทธิมรรค ...ทำนองนี้เป็นต้น ที่คุณมณฑาทิพย์ จะแจกแจงความสั้น ๆ ต่อให้จากการแปลความของพระอาจารย์
พลอยโพยม ยิ่งทึ่งเข้าไปอีกเมื่อมาเจอ บทความของหนังสือ "ข้ามเวลา...กราบแทบบาทพุทธองค์"
มาบัดนี้จึงได้รู้ว่า เกียรตินิยมอักษรศาสตร์ เป็นอย่างนี้นี่เอง
เมื่อเข้าปฎิบัติธรรมหลักสูตรวิปัสสนาเข้มข้นของ พระอาจารย์เชมเย สยาดอ ยิ่งได้สัมมผัสว่า คุณมณฑาทิพย์ คุณวัฒนา เป็นผู้มีลมหายใจเข้าออกด้วยความสุข และเป็นศิษย์ก้นกุฏิแห่งพุทธองค์ ปฏิบัติตนตามคำสอนด้วยความอิ่มเอม แบ่งปัน ปรารถนาดี ให้ความอบอุ่นกับผู้เข้าปฎิบัตธรรมด้วยอย่างเสมอหน้าและทุกครั้งที่ได้พบ
พลอยโพยมได้นำเสนอ บางส่วนของ "บัวยังคงคลี่บาน " ของคุณมณฑาทิพย์ คุณวัฒนา จากหนังสือ "ข้ามเวลา ..กราบแทบบาทพุทธองค์" ไปแล้วในครั้งที่แล้ว บทความค่อนข้างยาว เพราะเสียดายความไพเราะเพริดพรายของตัวอักษรชาวอักษรศาสตร์ นั่นเอง รวมทั้งเนื้อหาสาระอีกด้วย ลองพิสูจน์ดูด้วยการย้อนไปอ่านใหม่สำหรับบางท่านที่แค่เห็นความยาวของบทความก็ละความสนใจที่จะอ่านเสียแต่ต้น
เผอิญ ใน Facebook ของเพื่อนร่วมรุ่นของพลอยโพยมได้โพสต์บทความ ว่า เรียนอักษรศาสตร์แล้วได้อะไร ก็ขออนุญาตนำมาบอกกล่าวเล่าต่อ
เป็นบทกลอนของ หม่อมราชวงศ์รมณียฉัตร (ดิศกุล) แก้วกิริยา อักษรศาสตรบัณฑิตรุ่นที่ ๓๐ ดังนี้.
ภาพวาดของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติ
อักษรศาสตร์...
คือภาพวาดภาพฝันอันแสนหวาน
คือความหวังของสาวน้อยวัยสราญ
คือวิมานแดนฟ้าเทวาลัย
เป็นผู้หญิงก็อยากเรียนอักษรศาสตร์
อยากได้ชื่อว่าเก่งกาจในสมัย
เรียนไปแล้วจะออกมาทำอะไร
หยุดหัวใจยั้งไว้ไม่ให้คิด
จวบจนเวลาผันผ่าน
สาวน้อยถึงกาลเป็นบัณฑิต
ต้องออกเผชิญโลกโชคชีวิต
จึงได้สตินั่งคิดพิจารณา
เรากำลังจะก้าวไปทิศไหน
มีอะไรอีกที่เราต้องค้นหา
อะไรบ้างที่เรานั้นได้มา
นอกเหนือจากปริญญาหนึ่งใบ
ณ จุดนี้ที่หัวใจเพิ่งได้พบ
สรรพความรู้ครันครบที่เราได้
คือพื้นฐานโครงเคร่าอันแกร่งไกร
เพื่อเราก้าวต่อไปอย่างเต็มคน
ทุกวิชาลับปัญญาให้เราคิด
รู้จักถูกรู้จักผิดแยกเหตุผล
ใช้สมองตรองตรึกนึกแก้กล
มองปัญหาตั้งแต่ต้นจนถึงปลาย
เราอาจจะเป็นนักภาษาศาสตร์
หรือเราอาจทำราชการ งานค้าขาย
เป็นครู เป็นเลขาฯ เป็นเจ้านาย
เป็นทุกอย่างที่เราหมายได้ทั้งนั้น
จากอักษรฯ เส้นทางที่ข้างหน้า
จะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา กลับหลังหัน
ทุกอย่างขึ้นกับสมองตรองให้ทัน
และความขยันแปรออกเป็นผลงาน
อักษรศาสตร์...
ก็ยังเป็นภาพวาดอันแสนหวาน
ก็ยังคือความหวังอลังการ
ของผู้ปรารถนาพื้นฐานภายใน
พลอยโพยมเคยใฝ่ฝันอยากเป็นชาวอักษรศาสตร์ แต่พ่อมังกรดับฝันของพลอยโพยม บังคับให้เรียนสายวิทยาศาสตร์ กลายเป็นชาวสถิติศาสตร์ ต้องฟาดฟัน กัดฟันเรียน แคลคูลัส หนึ่งถึงห้า กับบรรดานิสิตวิทยาศาสตร์ นิสิตแพทย์ และท่องสูตรวิชาสถิติยาว ๆ มาจนจบการศึกษา
เคยน้อยอกน้อยใจชะตาชีวิตตัวเองที่ไม่ได้ทำตามความฝัน ประกอบอาชีพที่ไม่ชอบอกชอบใจ จวบจนอายุ ๕๐ ปี จึงรู้ตัวว่า จริง ๆ แล้วในชีวิตอยากทำงานด้านใดกันแน่ จริง ๆ แล้ว พลอยโพยมอยากทำงานบรรณารักษ์ห้องสมุด
และที่เคยน้อยอกน้อยใจกับวิชาเรียนที่ไม่สันทัด มากมายหลายวิชา และคิดว่าไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตการทำงานและในชีวิตจริงนั้น ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ สิ่งที่พลอยโพยมได้มาอย่างหนึ่งเหมือนหม่อมราชวงศ์รมณียฉัตร (ดิศกุล) แก้วกิริยา นั่นคือพื้นฐานภายใน เช่นกัน ซึ่งได้กลายเป็นจิตใต้สำนึกเป็นพลังสั่งสมที่ได้ผสมผสานกันอยู่ในตัวนำมาใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหลังจากเรียนจบและรับพระราชทานปริญญาบัตรมา
ขอขอบคุณ ปริญญาสถิติศาสตร์บัณฑิต ของพลอยโพยม
มาวันนี้พลอยโพยมได้เดินขึ้นบันไดเพื่อตามหาความฝันของตัวเองจากเส้นทางใหม่ และค้นพบปลายทางแห่งฝันนั้นแล้ว ที่สุดแห่งชีวิตของมวลมนุษย์มีสิ่งประเสริฐที่พระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตาประทานไว้ให้นั่นคือพระธรรมคำสอนแห่งพระพุทธองค์นั่ั่นเอง
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เนท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น