พลอยโพยมไปทำธุระที่จังหวัดจันทบุรี ( เป็นประจำทุกปีมาสิบกว่าปีแล้ว ) และพักที่ปั๊มน้ำมันเพราะลูกชายแวะซื้อเครื่องดื่มโกโก้ และน้องชายซื้อกาแฟ ที่อำเภอพนมสารคาม พลอยโพยมคอยบนรถสักพักหนึ่งก็เปลี่ยนใจเมื่อเห็นต้นเกาลัดต้นใหญ่ออกดอกระย้าย้อยสวยงามก็ลงไปเก็บภาพ แล้วก็ถูกเร่งว่าสายแล้วต้องรีบไป น่าเสียดายที่ถ่ายภาพได้ไม่กี่ภาพ
ต้นสาละลังกาที่ดอกอยู่สูงมาก จะซูมภาพก็ถูกเตือน เหลี่ยวไปเหลียวมามีไม้ดอกน่าสนใจอีกหลายต้น แต่เกรงใจสองน้าหลานก็ตัดใจกลับขึ้นรถ
(ภาพนี้วกรถกลับมาด้านหลังของช้างแล้ว)
เมื่อผ่านอำเภอสนามชัยเขต มาตามถนนแนวป่าที่บ้านหนองคอกเพื่อตัดถนนออกสู่จังหวัดสระแก้ว แล้วจึงจะเลี้ยวขวาไปอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ที่พลอยโพยมเคยเจอควายสามสี่ตัวตามแนวถนนที่ตัดผ่านป่า ในครั้งนั้นจะขอลงไปถ่ายภาพ แต่ลูกชายบอกว่า ขากลับค่อยถ่ายดีกว่านะแม่ พลอยโพยมเป็นแม่ที่ดีในคราวนั้นก็ตามใจลูกชาย ลืมคิดไปว่าขากลับจะพบควายสามสี่ตัวนี้ไหม พอขากลับก็ไม่เห็นแม้เงาควายที่ไม่เชือกร้อยแสดงว่าไม่ใช่ควายเลี้ยงเสียแล้ว
คราวนี้พอเห็นช้างเดินข้างแนวป่ากับถนน จึงตัดพ้อต่อว่าลูกชายว่าจะให้แม่ถ่ายภาพช้างป่าเที่ยวขากลับอีกไหม
รถก็วิ่งเลยช้างเมื่อลูกชายตอบว่า ถ่ายได้นะแม่เดี๋ยวไผ่ขับรถวกกลับให้ น้องชายก็ท้วงว่า นี่เป็นช้างป่าเคยมีข่าวว่าเคยไล่เหยียบรถแบนมาแล้ว มีภาพที่เขาติดไว้ให้ดูด้วย และเพื่อน ๆ เขาเตือนว่า ให้ระวังช้าง
พลอยโพยมบอกว่าทุกทีผ่านถนนเส้นนี้ก็เห็นแต่ขี้ช้างกองเรี่ยราดข้างถนน เราถ่ายห่าง ๆ ก็ได้ ถ้าช้างจะทำร้ายเราก็ขับรถหนีซี พูดกันแต่นี้ก็วิ่งผ่านช้างมาไกล ลูกชายเลี้ยวกลับให้และบอกว่าแม่ถ่ายภาพบนรถแล้วกัน ถ่ายในระยะไกลหน่อยแล้วแม่ซูมภาพก็แล้วกัน
ยังไม่ทันซูมภาพเพราะคิดว่าจะถ่ายไม่ซูมภาพดูก่อน ถ่ายไปสองสามภาพช้างก็หยุดเดิน และเอี้ยวหน้าหันหน้ามาทางรถของเรา เพียงแค่นี้พลอยโพยมใจหายวาบบอกลูกชายรีบวกรถหนี ตื่นเต้นระทึกใจ ถ้าพลอยโพยมดื้อลงจากรถ ก็ต้องเสียเวลากลับมาที่รถเปิดประตูรถ ปิดประตูรถ ตอนวกรถกลับอีกครั้งหันไปมองช้างก็เห็นเขายืนมองแบบเอี้ยวหน้ามามองรถ ใจหายมากเลย วิ่งมาไม่ไกล ก็พบภาพที่เขาติดไว้ข้างทาง เป็นภาพช้างทำลายรถพังยับ รับรองว่าพลอยโพยมเข็ดไปอีกนาน
วิ่งมาอีกไกลโขด็มีลิงหนึ่งตัวนั่งกรอกตาไปมาที่ริมถนนด้านเดียวกับที่พบช้างคือด้านขวามือ ลูกชายบอกว่า ลิงน่ะแม่ ( เป็นการซ่อนคำถามตามมาในใจว่า แม่จะถ่ายภาพอีกไหม) พลอยโพยมก็ตอบไปว่า แย่แล้วละเราวิ่งถนนเส้นนี้มาสิบกว่าปีแล้ว เพิ่งเห็นควาย เมื่อเที่ยวก่อนโน้น วันนี้พบทั้งช้างทั้งลิง ในเวลาสาย ๆ แบบนี้ แสดงว่าในป่าที่เขาเคยอยู่ต้องแห้งแล้งมากอาจไม่มีอาหารกินเขาเลยต้องเดินออกมาหากินไกลกว่าเดิม
ที่ลิงตัวนี้กรอกตามองซ้ายขวาแบบนี้แสดงว่าเขาไม่คุ้นเคยกับพื้นดินที่เป็นถนน มีอะไร ประหลาด ๆ ไม่รู้จักผ่านเขาไปหลายรูปแบบ หลายรูปทรง ( รถหลายยี่ห้อ รถหลายประเภท และมีหลากหลายสีสัน ) ช่างน่าสงสารสัตว์ป่าพวกนี้จริง ๆ
เพื่อนเคยเล่าว่า การสร้างถนนหนทางหากบังเอิญตัดขวางเส้นทางสัญจรของบรรดาสัตว์ป่า ในบริเวณที่เป็นป่าที่มีสัตว์ป่าอาศัยเส้นทางอยู่ ทำให้สัตว์ป่าถึงกับหลงทางก็มี เพราะไม่คุ้นกับสิ่งแปลกปลอมในป่าเช่นถนน ( ลาดยาง ) เหล่านี้ คนเล่าก็ไใม่ใช่พวกวนกรอะไรหรอก เป็นพวกสำนักผังเมือง ที่ฟังคนอื่นเล่าให้ฟังมาอีกทีเวลาไปพบพวกเจ้าหน้าที่วนอุทยานต่าง ๆ นั่นเอง พลอยโพยมก็เอามาเล่าต่อให้ลูกชายฟัง
เมื่อถึงถนนเส้นที่จะไปอำเภอสอยดาวสองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ออกดอกสะพรั่งมากมาย โดยเฉพาะไม้ใหญ่ดอกสีแดง มองดููว่าน่าจะเป็นต้นงิ้ว มีดอกร่วงหล่นโคนต้นกระจัดการะจาย ได้แต่ชะเง้อดูว่าคล้ายดอกงิ้วที่เพื่อนชาวเชียงรายคนที่ชอบทำน้ำเงี้ยวให้กินบ่อย ๆ ตามคำร้องขอ น้ำแกงนั้นหากไม่มีดอกงิ้วเป็นส่วนประกอบน้ำแกงของน้ำเงี้ยวจะรสชาติกร่อย ๆ ในความรู้สึกของพลอยโพยมเอง แต่เพราะรถวิ่งเร็วก็มองไม่ชัดว่าเป็นดอกงิ้วหรือเปล่า ( แล้วก็เคยเห็ยแต่ดอกงิ้วแห้งที่เพื่อน ๆ เอามาใส่ในน้ำเงี้ยว) แต่ก็ไม่กล้าแวะเสียแล้ว ยกเว้นมีร้านกาแฟร้านหนึ่งที่มีพันธุ์ไม้เลื้อยเหลืองเรืองรองอร่ามงามตา พลอยโพยมบอกว่าขากลับขอแวะร้านนี้นะ ก็เลยได้ภาพพันธุ์ไม้นี้มา
มองไกลๆ นึกว่าเป็นดอกไม้เทียม แต่คิดว่าต้องใช้ดอกไม้ปริมาณมากขนาดนี้ คงแพงแย่เลยพอเข้าไปใกล้ก็ดีใจที่คิดถูกในการแวะขอถ่ายภาพ
พอขากลับแวะถ่ายรูป เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบผึ้งบินมาดอมดมชมดอกไม้มากมาย ดอกไม้มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เมื่อขออนุญาตน่้องสาวคนสวยในร้านขายกาแฟ และถามขาว่าว่า พันธุ์ไม้นี้มีชื่อว่าอะไรเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
น้องคนขายบอกว่า ชื่อต้นเหลืองชัชวาลย์มีคนมาขอถ่ายรูปกันเยอะเลย ขอลงภาพให้ชมก่อน ส่วนข้อมูลขอเสนอต่อวันพรุ่งนี้ เพราะจะต้องไปตลาด ซื้อของวันจ่ายเทศกาลตรุษจีน ตอนตีสี่
ฃื่อไทย เหลืองชัชวาลย์,เล็บวิวาฬ
ชื่อสามัญ Catclawvine
ชื่อวิทยาศาสตร์ Macfadyena unguis-cati (L.) A.H. Gentry
วงศ์ BIGNONIACEAE
ถิ่นกำเนิด เป็นไม้ป่าในประเทศอเมริกา แถวรัฐฟอริดา
เหลืองชัชวาลย์ หรือ เล็บวิวาฬ
เหลืองชัชวาลเป็นไม้เลื้อยดอกเหลืองที่มีความใกล้เคียงกับต้นตีนตุ๊กแก ตรงที่ตามเถาจะมีรากเล็กๆ งอกโค้งออกมา 3 เส้น คล้ายกรงเล็บแมว มีเอาไว้ยึดเกาะกับผนังกำแพง จึงมีการเรียกชื่อต้นไม้นี้ว่า เล็บวิวาฬ ต่อมาก็เรียกชื่อตามลักษณะของสีดอกที่เหลืองอร่ามงามตาว่าเหลืองชัชวาลย์
เป็นไม้เลื้อย พบเพียง 1 ชนิด ในอเมริกา ลักษณะคล้ายต้นกระเทียมเถา ใบออกตรงกันข้ามตรงข้อ ที่ขอมีตะขอที่แหลมสำหรับเกาะยึดเกี่ยว
ลำต้น
เป็นเถา เนื้อไม้ค่อนข้างแข็ง จะมีรากคล้ายกรงเล็บแมวยื่นออกมาใช้ยึดเกาะกับผนังกำแพงต่างๆ ชอบเลื้อยขึ้นที่สูงทั้งแนวตั้งและแนวราบปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นก็จะเลื้อยพันไม้ยืนต้นขึ้นไปถึงยอดไม้ หรือถ้าปลูกใกล้กำแพง ผนัง หรือรั้วบ้าน ก็จะเลื้อยขึ้นไปด้านบนของรั้วก่อน จากนั้นก็จะเริ่มเลื้อยเป็นแนวราบไปตามความยาวของผนังกำแพง จากนั้นกิ่งก้านก็จะค่อยๆ ย้อยลงข้างล่าง เมื่อถึงเวลาออกดอก ดอกก็จะห้อยย้อยลงมา เหลืองอร่าม
ใบ
รูปไข่ สีเขียวเข้ม ขนาดใบเล็ก ขอบใบลื่น ออกตรงกันข้ามตรงข้อที่ขอมีตะขอที่แหลมสำหรับเกาะยึดเหี่ยว
มีลักษณะใกล้เคียงต้นตีนตุ๊กแก แต่แผ่นใบจะบางกว่า
ดอก
เป็นรูปแตร กลีบดอกสีเหลือง ออกเป็นกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง ออกดอกกระปริบกระปอย ช่อสองช่อเกือบทั้งปี แล้วจะออกดอกมากเป็นพิเศษในช่วงที่อากาศเย็น ถ้าช่วงไหนที่เหลืองชัชวาลทิ้งใบหมดเถาหมดต้น จะออกดอกต็มเถา ดอกจะบานวันเดียว โดยทยอยบาน
ดอกมีกลิ่นหอม อ่อน ๆ
ผล
เป็นรูปฝักยาว คล้ายฝักต้นปีบทอง เมล็ดอยู่ภายในจำนวนมาก เมล็ดมีปีก2ข้าง รูปร่างคล้ายเมล็ดต้นปีบ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2010/03/J8942086/J8942086.html
http://community.akanek.com/th/green/plant-profile/cats-claw-vine
เหลืองชัชวาลย์ เป็นพันธุ์ไม้ที่ค้นหาแล้ว เป็นต้นไม้ที่เพิ่งเข้ามาแพร่หลายในเวลาไม่กี่ปีมานี่เอง และพลอยโพยมตกข่าว มีการจำหน่ายทั้งในสวนจตุจักร งานเกษตรแฟร์ (ปี 2554 ก็มีจำหน่ายและมีคนถ่ายภาพมาเหลืองอร่ามทั้งต้นเลยทีเดียว) พลอยโพยมไม่ได้สังเกต เพราะไม่พบต้นใหญ่ออกดอกเต็มต้นอน่างในภาพดังกล่าว เห็นแต่ต้นขนาดเล็กคิดว่าเป็นต้นมาลัยทองนั่นเอง
และขออภัยที่ไปจ่ายตลาดวันจ่ายแล้วหายไปเลย เหนื่อยมากเพราะแค่วันจ่ายก็ต้องไป 2 ตลาด คือตลาดในเมืองและตลาดแถวบ้าน ตอนเย็นไปรับขนม และเป็ดที่บ้าน ก๋งและอาม้า ( ปู่ ย่า) ของลูก ๆ วันไหว้ตื่นแต่เข้าไหว้เจ้าพ่อศาลเจ้าที่บ้านเดิมบางกรูด ไหว้ศาลพระถูมิ ไหว้เจ้าที่ ต้องวิ่งรอกไปไหว้บรรพบุรุษนอกจากบ้านตัวเองแล้ว ( ก๋ง และยาย ของลูก ๆ ) ต้องไปอีก สองบ้าน สองตำบล ห่างกันมาก คิดระยะทาง รวม ก็ ห้าหกสิบกิโลเมตร ที่สำคัญคือถูกจำกัดด้วยเวลาด้วย และเพิ่งไปจันทบุรีมา พลอยโพยม ก็หมดแรงเปิดคอมคอมพ์เสียแล้ว
และบทความจะขาดช่วงไปอีก สิบห้าวัน เป็นอย่างน้อย เพราะพลอยโพยมจะเข้าปฎิบัติธรรมนอนสี่ทุ่มตื่นตีสี ปฎิบัติเข้มทั้งวัน งดวาจา ถือศิลแปด วันที่ 13-28 กุมภาพันธ์นี้
ในหนึ่งปี พลอยโพยมจะเข้าปฎิบัติธรรมอย่างน้อยปีละ สี่ครั้ง เป็นเวลา 7 คืนแปดวัน สองครั้ง และ 15 วันสองครั้ง สั่งสมผลบุญเป็นเนื้อนาบุญไว้สำหรับภพชาติต่อ ๆ ไป ให้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา มีโอกาสได้ปฎิบัติธรรม ได้มีดวงตาเห็นธรรม เดินสู่เส้นทางพ้นจากทุกข์หลุดพ้นจากวัฎสงสาร ได้พบจุดหมายปลายทางคือนิพพาน ในอนาคตกาล ใน เจ็ดชาติ เจ็ดสิบชาติ เจ็ดร้อยชาติ .....หรือสุดแล้วแต่กุศลผลบุญเมื่อไรก็เมื่อนั้น...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น