หลังจากรายการภัตตาคารบ้านทุ่งได้มาถ่ายทำรายการอาหารคาวหวานจากฝักรุ่ยแล้ว ทางรายการได้สนใจที่จะมาถ่ายทำ เรื่องราวของรากสามสิบ สำหรับรายการรากสามสิบ มีเมนูที่จะต้องทำมี ๒ รายการคืออาหารคาวและอาหารหวาน จากการปรึกษากับพี่สุกัลยา นาคะพงศ์ แล้ว ทำให้เมนูแกงคั่วลูกรากสามสิบได้หวนคืนกลับมา และในอดีตบ้านพี่สุกัลยา นาคะพงศ์ ก็แกงคั่วลูกรากสามสิบกับปูทะเลเช่นเดียวกัน พลอยโพยมจึงปรึกษาหารือกับทายาทของพี่อุทัยวรรณ สรรพ์พิบูลย์ คือน้องต้องใจ ขวัญใจพาณิชย์ (สรรพ์พิบูลย์ ) ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนในตำบลบางกรูดในปัจจุบันว่าน้องต้องใจสืบทอดฝีมืออาหารความหวานของพี่อุทัยวรรณ กุลสตรีศรีบางกรูด ไว้ได้ครบถ้วน
หากแต่น้องต้องใจกลับแนะนำ คุณป้าสนี่ บุญช่วย ผู้ใหญ่ที่สันทัดกับการทำแกงคั่วลูกรากสามสิบแทน เมื่อพลอยโพยมไปเรียนขอความกรุณา คุณป้าสนี่ ก็เมตตารับเป็นผู้ปรุงเมนูลูกรากสามสิบแกงคั่วกับปูทะเลให้รายการภัตตาคารบ้านทุ่ง
แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหากถึงวันถ่ายทำรายการจริงอีกประมาณเกือบเดือนข้างหน้า พลอยโพยมจึงต้องเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินโดยการทดลองทำแกงคั่วลูกรากสามสิบด้วยตัวเอง
ความที่สมัยเด็กพลอยโยมจะถูกแม่ละม่อมใช้งานให้หั่นโน่น หั่นนี่ สำหรับช่วยแม่ละม่อมปรุงอาหาร ดังนั้นการเตรียมเครื่องปรุงพริกแกงจึงไม่ยากนักสำหรับพลอยโพยม แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่พลอยโพยมไม่เคยอยู่งานหน้าเตาเลย เพราะงานนี้เป็นเรื่องของบรรดาพี่ ๆ สาว ๆ หลานน้า หลานป้าของแม่ละม่อมเป็นผู้ดำเนินการตลอดมา
แต่สิ่งที่ทำให้พลอยโพยมไม่ลังเลใจที่จะทำเมนูแกงคั่วลูกรากสามสิบกับปูทะเลด้วยตัวเอง เพราะค่อนข้างเชื่อมั่นกับตัวเองว่า เมื่อได้เคยลิ้มรสแกงที่ตัวเอง รู้สึก รู้รส ว่าอร่อยแล้ว เราก็พยายามปรุงให้ได้รสอาหารนั้น ไม่มีอะไรเกินความพยายามหากเราตั้งใจทำจริง
เป็นห่วงแต่ว่านอกจากความเป็นมาในช่วงวัยเด็กของพลอยโพยมเองที่ไม่ได้ฝึกงาน เสน่ห์ปลายจวักจากแม่ละม่อมแล้ว พลอยโพยมก็ไม่ได้ใส่ใจกับต้นรากสามสิบว่า จะออกดอกออกผลอย่างไร เมื่อไรจึงจะเป็นผลรากสามสิบที่กำลังดีสำหรับเก็บมาทำแกงคั่ว
ทั้งหมดทั้งปวงก็ได้พี่สุกัลยา นาคะพงศ์ เป็นผู้คอยชี้แนะ ประกอบกับพี่สุกัลยายังเก็บรักษาสภาพสวนดั้งเดิมครั้งพวกเรายังเด็ก ๆ ไว้ เป็นสวนที่สมัยเด็กพลอยโพยมเคยตื่นตาตื่นใจเวลาได้มาสวนคุณพ่อพี่สุกัลยาซึ่งท่านเป็นกำนันของตำบลบางกรูด ท่านชื่อ กำนันสมชาย นาคะพงศ์ เพราะท่านมีบุตรธิดาเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คือพี่สาวของพี่สุกัลยา ทั้งตัวพี่สุกัลยาเอง ดังนั้นที่สวนนี้จึงมีพันธุ์ไม้ที่แปลกทันสมัยเช่นพุทราผลโต ๆ กรอบอร่อย ส้มโอและอื่น ๆ
สภาพสวนพี่สุกัลยา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕
ดังนั้นพอดอกรากสามสิบเริ่มมีดอก พลอยโพยมก็เข้าไปติดตามเฝ้ารอว่าเมื่อดอกบานแล้ว เมื่อไร เป็นผล ผลที่กำลังเหมาะนำมาทำแกงคั่วเป็นเวลาห่างจากดอกบานเท่าไร และอันที่จริง ต้นรากสามสิบก็มีต้นค่อย ๆ ทยอยเบ่งบานและติดผล และมีผลรากสามสิบที่ได้บานก่อนติดผลก่อนจำนวนหนึ่งพอจะปรุงเป็นแกงคั่วได้
พลอยโพยมก็เริ่มจากขุดผักสวนครัวในส่วนที่ต้องนำมาใช้ในการปรุงน้ำพริก คือ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผลมะกรูด รากกระชาย รวมทั้งมะพร้าวแก่ทำแกงได้ และเก็บผลรากสามสิบกลับมาดำเนินการเองที่บ้าน
ต้นข่า
ตะไคร้
ต้นมะกรูด
ผลมะกรูด
กระชาย
เครื่องปรุงน้ำพริกพร้อมแล้ว ขาดแค่พริกแห้งหัวหอม กระเทียมกะปิ
เสร็จเรียบร้อยแล้ว แกงคั่วลูกรากสามสิบกับปูทะเล ตักไปแจกให้ผู้สันทัดกรณี ชิม แกงคั่วหม้อแรกในชีวิตของพลอยโพยม คำตอบ สองบ้านบอก ใช้ได้ดีแล้ว แต่บ้านเจ้าของส่วนประกอบสำคัญจากสวน บอกว่า อ่อนเครื่องแกงน้ำพริกแกงคั่ว น้ำแกงต้องมีรสชาติเข้มข้นกว่านี้
อันที่จริง ปูทะเลสามตัวนี้มีส่วนช่วยอย่างมากกับแกงคั่วหม้อแรกในชีวิต
พลอยโพยมก็ต้องจัดทำหม้อที่สองอีกครั้ง คราวนี้ใช้กุ้ง
ลูกรากสามสิบจากสมุทรสงคราม สวนข้างบ้านพักที่แวดล้อมด้วยบ่อกุ้งบ่อปลาและนาเกลือ
ผลครั้งที่สอง รสชาติกำลังดี ได้ รสน้ำพริกแกงเข้มข้นหอมหวนยวนลิ้น แต่ กุ้งอร่อยสู้ ปูทะเลไม่ได้
ดังนั้นเมนูที่จะนำเสนอในการทำรายการภัตตาคารบ้านทุ่ง จึง ใช้ ปูทะเลแกงคั่วลูกรากสามสิบ และเป็นอันปลอดกังวล พ้นปัญหา หากคุณป้าสนี่ บุญช่วย ที่พลอยโพยมเรียนเชิญมาเป็นผู้ปรุงแกงคั่วลูกรากสามสิบกับปูทะเลออกรายการ นั้นถ้ามีข้อผิดพลาดคุณป้าสนี่มาทำรายการไม่ได้ ฝีมือตัวแทนรายการ อย่างพลอยโพยม ไม่ทำให้ชาวตำบลบางกรูดอับอายขายหน้าแน่นอน
การทำแกงคั่วสองหม้อนี้ พลอยโพยม ทำคนเดียวทุกขั้นตอนเลยทีเดียว แม่ละม่อมคงพอใจ ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเป็นแน่แท้เชียวนั่น