ขอขอบคุณภาพจากhttp://no1thai.blogspot.com/2013_07_01_archive.html
ในพรรษาสุดท้าย พระพุทธองค์ทรงจำพรรษาที่เมืองเวสาลี หรือไพสาลี เมืองหลวงของแคว้นวัชชี
และเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นที่กำเนิดของพระมหาวีระศาสดาของศาสนาเชน
และที่เป็นต้นกำเนิดของการทำน้ำมนต์ในพุทธศาสนา เนื่องจากได้เกิดทุพิกขภัยร้ายแรงทั่วเมืองเวสาลีมีคนตายมากมายกษัตริย์จึงได้นิมนต์ให้พระพุทธเจ้าได้มาโปรดชาวเมือง พระพุทธเจ้าจึงนำเหล่าภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางไปโปรดที่เมืองเวสาลีพร้อมทั้งได้มีการประพรมน้ำมนต์ทั่วทั้งเมือง เป็นที่มาของการสวดรัตนปริต
นอกจากนี้เวสาลียังเป็นเส้นทางที่พระพุทธเจ้าได้ปลงสังขารที่ปาวาลเจดีย์ ในสวนของนางอัมพปาลี หญิงคณิกาแห่งเมืองเวสาลี
ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า “อีกสามเดือนจากนี้ไป ตถาคตจะดับขันธ์ปรินิพพาน”
หลังจากนั้นพระพุทธองค์ได้เสด็จไปเมืองกุสินาราซึ่งเป็นสถานที่เสด็จปรินิพพาน
เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จออกจากนครเวสาลี ทรงประทับยืนอยู่ ณ ประตูเมืองเป็นครู่ ผินพระพักตร์ดูนครเวสาลีอันมั่งคั่งเรืองรุ่งดุจสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงตรัสกับพระอานนท๋ว่า
" อานนท์เอย
การมองดูเวสาลีครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายของตถาคตแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมีการเริ่มต้นแล้ว ย่อมมีการสิ้นสุด
ใครเล่าจะหน่วงเหนี่ยวสิ่งซึ่งจะต้องเป็น มิให้เป็นได้..."
ขอขอบคุณภาพจากthanyathorn.wordpress.com
เมืองกุสินารานี้เคยเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสสัมมาสัพุทธเจ้า
เป็นที่เกิดบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์หลายครั้ง เคยสวรรคตที่เมืองนี้ ๗ ครั้ง
เคยเป็นราชธานีนามว่ากุสาวดี ของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ
ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.pimpudcha.com/index.php/travel/58-2013-07-19-05-58-59
พระพุทธองค์ทรงรอนแรมไปสู่หมู่บ้านภัณฑุคาม ตรัสเทศนาสั่งสอนบุคคลในหมู่บ้านนั้น แล้วเสด็จไปสู่หมู่บ้านหัตถีคาม อัมพคาม และชัมพูคาม ตามลำดับถึงเมืองโภคนคร ได้ทรงแสดงธรรมเทศนาแก่บุคคลทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงเสด็จไปเมืองปาวา ประทับอยู่ที่สวนมะม่วงของนายจุนทกัมมารบุตร ตระกูลวิศวกรรมนายช่างทอง ณ เมืองปาวานั่นเอง พระพุทธองค์ทรงเสวยอาหารมื้อสุดท้ายที่นายจุนทะจัดถวาย
เมืองปาวานั้นเป็นศูนย์กลางของพวกนับถือศาสนาของศาสดามหาวีระ หรือนิครนถนาฏบุตร และท่านมหาวีระก็ละสังขารที่เมืองนี้
นายจุนทะได้ทราบว่าพระพุทธองค์เสด็จถึงเมืองปาวา กำลังประทับอยู่ ณ อัมพวัน จึงไปเดินทางไปเข้าเฝ้า กราบทูลนิมนต์พระพุทธองค์กับพระภิกษุสงฆ์ให้เสด็จไปฉันภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น
นายจุนทะจัดเตรียมของเคี้ยวของฉันอันประณีต และสุกรมัททวะ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึงพร้อมกับพระภิกษุสงฆ์
ตรัสเรียกให้นายจุนทะนำสุกรมัททวะมาถวายเฉพาะพระองค์ ให้ถวายอาหารอื่นแก่พระภิกษุสงฆ์ เมื่อฉันเสร็จแล้วตรัสให้นำสุกรมัททวะที่เหลือไปฝังเสีย
"ดูก่อนจุนทะ ท่านจงฝังสุกรมัททวะที่ยังเหลือเสัยในหลุม เรายังไม่เห็นใครเลยในมนุษยโลก เทวโลก มารโลก พรหมโลก ที่บริโภคสุกรมัททวะนั้นแล้ว จักพึงให้ย่อยไปด้วยดี นอกจากตถาคต"
นายจุนทะทำตามพระพุทธบัญชา เข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนา ทำให้นายจุนทะเกิดความเข้าใจในข้ออรรถ ข้อธรรม มีความรื่นเริงเบิกบานในธรรมะที่ได้สดับนั้น
ต่อจากนั้นพระพุทธองค์เสด็จลุกจากอาสนะ เสด็จกลับที่ประทับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี (ว.ป.วีรยุทฺโธ)
http://www.oknation.net/blog/somran/2009/07/23/entry-2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น