วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นครกุสินารา ๙




ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.84000.org/tipitaka/picture/f71.html

จากบ้านนายจุนทะ แห่งปาวานคร เมื่อพระพุทธองค์เสวยสุกรมัททวะแล้ว เป็นเหตุให้พระองค์เกิดการแสลงพระโรคอย่างหนัก จนแทบจะปรินิพพานที่บ้านนายจุนทะนั่นเลย แต่ทรงได้เจริญอิทธิบาทธรรม ๔ ประการ จึงทำให้ทรงมีพละกำลังเสด็จเดินต่อไปได้ ระหว่างทางนั้นเองมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ อยู่ ทรงรับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาให้ดื่มเพราะทรงกระหายน้ำอย่างมาก แต่พระอานนท์บอกว่า กองคราวานเกวียนพ่อค้าเพิ่งจะข้ามแม้น้ำนี้ไป น้ำยังขุ่นอยู่มากและเสนอว่า ขอให้พระองค์รออีกนิด แม่นำกกุธานธี อันเป็นแม่น้ำที่ใส เย็น มีรสจืดสนิทอยู่ไม่ไกลข้างหน้า

พระอานนท์ทูลผลัดว่า เกวียน ๕๐๐ เล่ม เพิ่งผ่านไปน้ำกำลังขุ่น ขอให้รอสักครู่ พระองค์ก็ดำรัสอีก ถึง ๓ ครั้ง พระอานนท์เกรงพระทัยจึงถือบาตรตรงไปยังแม่น้ำน้อย เพื่อนำน้ำไปถวายพระพุทธองค์
แต่เมื่อพระอานนท์เดินเข้าไปใกล้ น้ำในแม่น้ำที่ขุ่นมัวเพราะถูกล้อเกวียนย่ำไป กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว มีกระแสไหลไปตามปกติ เหมือนกับว่าไม่มีล้อเกวียนย่ำผ่านไป
พระอานนท์เอาบาตรตักน้ำแล้วเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลถึงเหตุอัศจรรย๋ว่า

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ เรื่องที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ได้เป็นแล้วในตอนนี้ แม่น้ำนั้นถูกล้อเกวียนบดน่ำแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัวไหลไปอยู่ เมื่อข้าพระองค์เข้าไปใกล้ กลับใสสะอาดไม่ขุ่นมัว ไหลไปแล้ว เพราะความที่พระตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงเสวยน้ำเถิด ขอพระสุคตจงเสวยน้ำเถิด "

พุทธาปทาน ( ข้ออ้างหรือประวัติของพระพุทธเจ้า )

( ในที่นี้จะนำพุทธาปทานอีกบทหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหน้าพระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๖ หน้าพระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๖ อันมีชื่อว่าปุพพกัมมปิโลติกะ( ท่อนผ้าเก่าแห่งบุพพกรรม ) ส่วนใหญ่แสดงถึงกรรมชั่วที่พระผู้มีพระภาคเคยทรงทำไว้อันส่งผลร้ายแก่พระองค์ แม้ในพระชาติสุดท้าย ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ในการเปิดเผยพระประวัติทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่วอย่างตรงไปตรงมา ว่าเคยทรงทำไว้ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว เฉพาะเรื่องนี้ จะพยายามถอดความให้ละเอียดเพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้สนใจทั่วไป). เรื่องเล่าว่า พระผู้มีพระภาคอันพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่แวดล้อม ประทับเหนือพื้นศิลาอันน่ารื่นรมย์ใกล้สระอโนดาด ตรัสเล่าบุพพกรรม ( กรรมในกาลก่อน ) ของพระองค์ ดังนี้.

" เราเคยเป็นนายโคบาลในชาติก่อน ๆ ต้อนแม่โคไปสู่ที่หากิน เห็นแม่โคดื่มน้ำขุ่นจึงห้ามไว้ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในภพสุดท้ายนี้ เรากระหายน้ำ จึงไม่ได้ดื่มตามต้องการ ( ใช้พระอานนท์ไปตักน้ำ พระอานนท์ไม่ตักกลับมากราบทูลว่า น้ำขุ่น ต้องตรัสย้ำให้ไปใหม่ พอพระอานนท์ไปตัก น้ำกลับใส-มหาปรินิพพาน-สูตร ).


ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=493233

เมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จถึงยังแม่นำกกุธานธี แล้วได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า ถ้าใครจะตำหนินายจุนทะเกี่ยวกับเรื่องถวายสุกรมัทวะแก่พระองค์ ขอให้ช่วยกันชี้แจงปลอบโยนนายจุนทะให้สบายใจนายจุนทะได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่แล้ว

ได้ตรัสเรื่องการถวายอาหาร ๒ อย่าง มีผลเสมอกัน คือ
๑. อาหารบิณฑบาตที่เสวยแล้วตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ (นางสุชาดาถวาย)
๒. บิณฑบาตที่เสวยแล้วปรินิพพาน (นายจุนทะถวาย)

บิณฑบาตสองกาลนี้มีผลมาก กว่าบิณฑบาตรในกาลไหน ๆ เพราะว่าเป็นอานิสงส์แห่งการเข้าถึงพระนิพพานเหมือนกัน
ด้วยว่าบิณฑบาตรที่ถวายโดยนางสุชาดา เป็นเหตุให้พระองค์เข้าถึงด้วยสอุปาทิเสสนิพพานคือการดับกิเลสโดยมีเบญจขันธ์อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
ส่วนที่นายจุนทะถวายนั้นเป็นเหตุให้พระพุทธองค์เข้าถึงอนุปาทิเสสนิพพาน คือการดับกิเลสโดยไม่มีเบญจขันธ์นั้นหลงเหลืออยู่

จากนั้นได้สรงน้ำในแม่น้ำกกุธานทีแห่งนี้ ช่วงนั้นเกิดเหตุมหัศจรรย์ว่าปลาในแม่น้ำและสัตว์น้ำทุกตัวเป็นสีทองและแม่น้ำสีใสดั่งเงิน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd32.htm
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=824450
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=493233
สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี (ว.ป.วีรยุทฺโธ)

หมายเหตุ
ในhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=493233 มีบันทึกตอนท้ายของผู้เขียนว่า

แม่น้ำกกุธานทีสายนี้ ได้สอบถามชาวบ้านๆ เรียกแม่น้ำสายนี้ว่า ธาธีนะดีอยู่ห่างจากบ้านนายจุนทะประมาณเจ็ดกิโลเมตร ยังมีแม่น้ำไหลเย็นสนิท ตลอดปี และได้ลงไปสำรวจ ณ ที่แม่น้ำล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยทรายมีลักษะคล้ายกากเพชรที่ส่งแสงระยิบระยับตลอดแม่น้ำอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น