วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

นครกุสินารา ๑๓ สุภัททปริพาชก




สมัยนั้น สุภัททปริพาชก อาศัยอยู่ในกรุงกุสินารา ได้ทราบข่าวว่า พระสมณโคดมจักปรินิพพานในปัจฉิมยามแห่งราตรีนี้
 เขามีความดำริว่า พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมอุบัติขึ้นในโลกในกาลบางคราว ธรรมอันเป็นที่สงสัยที่เกิดขึ้นแก่เรายังมี เราเลื่อมใสในพระสมณะโคดม ว่าจะสามารถแสดงธรรมให้เราสิ้นสงสัยได้

สุภัททปริพาชกจึงเข้าไปหาพระอานนท์ที่สาลวันอันเป็นที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลถามความที่สงสัย

พระอานนท์กล่าวว่า อย่าเลย สุภ้ททะ อย่าเบียดเบียนพระตถาคตเลย พระองค์ทรงพระประชวรอยู่ แม้ครั้งที่ ๒ แม้ครั้งที่ ๓ สุภัททะก็ยังอ้อนวอนพระอานนท์อยู่เช่นนั้น




ขอขอบคุณภาพจากจากhttp://www.dhammatalks.net/Articles/Life_of_the_Buddha_in_Pictures.htm

พระบรมศาสดาสดับคำของพระอานนท์และสุภัททปริพาชกแล้วตรัสว่า

อานนท์เธอจงอย่าห้ามสุภัททะเลยนะ จงให้สุภัททะเข้าเฝ้าตถาคตเถิด สุภัททะจักถามปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งกับเรา สุภัททะมาเพื่อความรู้ มิใช่มุ่งมาเฝ้าเพื่อเบียดเบียนเรา อนึ่งเราจักให้ความแจ่มแจ้งแก่สุภัททะได้ เขาจักรู้ข้อความนั้นโดยพลัน


พระอานนท์จึงกล่าวกับสุภัททะว่า

มาเถิดสุภัททะ พระผู้มีพระภาคเจ้าประทานโอกาสแก่ท่านแล้ว


สุภัททปริพาชกจึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ กราบทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรดาคณาจารย์ผู้มีชื่อเสียงเป็นเจ้าลัทธิที่มีชื่อเสียง ชนอันเป็นอันมากยกย่องเลื่อมใส ข้าพระองค์อยากทราบว่า ท่านเหล่าน้้นทั้งหมดได้ตรัสรู้แล้ว หรือยังมิได้ตรัสรู้ หรือตรัสรู้แต่เพียงบางท่าน นี่คือข้อสงสัยของข้าพระองค์

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สุภัททะเราจักแสดงธรรมนั้นแก่เธอ เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี

สุภัททะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ หาไม่ได้ในพระธรรมวินัยใด
สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ก็หามิได้ในพระธรรมวินัยนั้น

สุภัททะ อริยมรรคอันประกอบด้วองค์ ๘ หาได้ในพระธรรมวินัย นี้

สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่๔ ก็มีอยู่ในพระธรรมวินัยนี้
ตราบใดที่ภิกษุดำรงอยู่ในมรรคมรองค์ ๘ คือ
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
ตราบนั้นโลกนี้ จักไม่ว่างจากอรหันต์ทั้งหลาย




ขอขอบคุณภาพจากจากhttp://www.dhammatalks.net/Articles/Life_of_the_Buddha_in_Pictures.htm

สมณะที่ ๑ คือ พระโสดาบันบุคคล ย่อมมี
สมณะที่๒ คือ พระสกกทามีบุคคล ย่อมมี
สมณะที่ ๓ คือ พระอนาคามียบุคคล ย่อมมี
สมณะที่ ๔ คือ พระอรหันตบุคคล ย่อมมี
ส่วนลัทธิอื่น ที่มิได้เจริญมรรคมีองค์ ๘ ย่อมว่างจากสมณะผู้รู้
สุภัททะ ธรรมอันเป็นเครื่องนำออกจากสังสารวัฏ ไม่มีอื่นนอกจากในธรรมวินัยนี้เท่านั้น


(พระสูตร และอรรกกถา มหามงกุฏราชวิทยาลัย ) (ทีฆนิกายมหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ และชินมหานิทาน )

ขอขอบคุณข้อมูลจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดย โสตถินิรันตระ คุณแม่สุรีย์ รักเกิดผล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น