วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557
สู่แดนพระพุทธองค์ ๕๗ มัลลิการาม และ ราชิการาม
มัลลิการาม
มัลลิการาม
เป็นวัดของปริพาชกที่พระนางมัลลิกาเทวีสร้างไว้
ครั้งหนึ่งมีข่าวใหญ่ที่สร้างความตกตะลึงแก่ชาวนครสาวัตถียิ่งนัก คือพราหมณ์อุคคตสรีระประกาศเลิกฆ่าสัตว์บูชายัญ หันมารับนับถือพระพุทธศาสนาเป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึกตลอดชั่วชีวิต
ในนครสาวัตถี เป็นที่ที่ปริพาชกมีอิทธิพลคลอบคลุมพื้นที่ เนื่องจากมัลลิกาเทวีมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลเลื่อมใสอยู่ถึงกับสร้างอารามไว้แห่งหนึ่ง
ในมัชฌิมนิกายกล่าวว่า พระบรมศาสดาและพระสาวกได้ไปเยี่ยมปริพาชกถึงสำนักของเขา และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางหลักวิชาการกันเสมอ จนกระทั่งเปลี่ยนใจพวกปริพาชกใหญ่ ๆ ได้หลายคน เช่น เวชนัสสะ ผู้ตั้งคณะพราหมห์ปริพาชกโปฐาปท เป็นต้น
มัลลิกาเทวีเองตอนหลังก็เปลี่ยนมารับนับถือพระพุทธศาสนา และพลอยทำให้พระเจ้าปเสนทิโกศลนับถือศาสนาพุทธไปด้วย
ก่อนหน้านั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลสนับสนุนศาสนาเชนและศาสนาพราหมณ์ ทั้งมีส่วนร่วมในการรังแกการเผยแผ่พระสัทธรรมของพระบรมศาาดาด้วย เช่นเรื่องของนาง จิณจมานวิกา และนางสุนทริกา นั้นเกิดก่อนที่พระเจ้าปเสนทิโกศลจะนับถือพระพุทธศาสนา
พระบรมศาสดาโปรดให้พระสารีบุตรไปเฝ้าพระเจ้าปเสนทิโกศล เพื่อขอความเป็นธรรมจากบ้านเมือง ทำให้พระเจ้าปเสนทิโกศลละอายพระทัย ไม่กล้ารังแกพระบรมศาสดาอีกต่อไป
ในอรรถกถาธรรมบทมีเรื่องเล่าถึงสาเหตุที่พระเจ้าปเสนทิโกศลเปลี่ยนใจมานับถือพระพุทธศาสนา ว่า
พระเจ้าปเสนทิโกศลเกิดปฏิพัทธ์ในภรรยาของราษฎรคนหนึ่ง จึงรับเอาสามีของนางมาเป็นมหาดเล็ก แล้วจะหาเรื่องฆ่า เพื่อจะได้หญิงนั้นมาเป็นภรรยา ราษฏรผู้นั้นรู้ตัวรีบไปบวชหลีกหนีราชภัย คืนหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกษลได้ยินเสียงร้องเป็น ๔ เสียงรับกันเป็นทอด ๆ ว่า ทุ...สะ...นะ...โส...อย่างนี้ทั้งคืนจนตกพระทัย บรรทมไม่หลับ เช้าขึ้นจึงปรึกษาพราหมณ์ประจำราชสำนัก ว่ามีเสียงประหลาดในยามดึก เกรงจะเกิด อวมงคล พราหมณ์ปุโรหิตถนัดแต่เรื่องฆ่าสัตว์บูชายัญ จึงกราบทูลให้จัดการบูชายัญครั้งใหญ่หาไม่แล้วจะเกิดอาเพศต่อราชบัลลังก์และมหาภัยต่อบ้านเมือง
แต่มัลลิกาเทวีกลับแนะนำให้ไปกราบทูลถามพระบรมศาสดา จึงได้รับรสแห่งพระธรรม ทำให้พีะเจ้าปเสนทิโกศลหัยมานับถือพระพุทธสานา และทำให้อาณาจักรโกศลเป็นอาณาจักรแห่งพระพุทธศาสนา
ราชิการาม
ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศลได้สร้างราชิการาม ไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมือง แรกที่เดียวเป็นสถานที่ตั้งอารามของคณาจารย์นอกพระพุทธศาสนา แต่พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงย้ายสำนักของคณาจารย์เหล่านั้นออกไปเสีย และทรงสร้างราชิการามไว้เป็นที่อยู่ของภิกษุณีซึ่งในครั้งนั้นมีภิกษุณีสุมณา ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของพระองค์เอง
พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงพระสูตรหลายพระสูตร เช่น นันทโกวิทสูตร และพระธรรมเทศนาอีกหลายพระสูตร อันนีมาในสังยุตนิกาย เป็นต้น
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
สู่แดนพระพุทธองค์อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี ( ว.ป. วีรยุทฺโธ)
พลอยโพยมเพิ่งมาพบช้อมูลว่ามัลลิกาเทวีสร้างอารามให้ปริพาชก แต่เมื่อคิดไปคิดคิดว่า มัลลิกาเทวีองค์นี้ เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในการทำความดี ก่อนนับถือพระพุทธศาสดา เมื่อนับถือปริพาชกก็ย่อมต้องสร้างวัดให้ปริพาชก ครั้นเมื่อมานับถถือศาสนาพุทธ กรุงสาวัตถี ก็มีพระอารามใหญ่ถึงสองแห่ง คือ เฃตวันมหาวิหาร ซึ่งเป็นตึกสูง ๗ ชั้น และ บุพพารามมหาวิหารของนางวิสาขา มีอาคารที่พักถึง ๑,๐๐๐ ห้อง
ป้ายกำกับ:
[บทความ]
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น