วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
นครกุสินารา ๒๒ การวิวาทขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
เมื่อทำการถวายพระพลิงพระพุทธสรีระมอดลง ที่มกุฏพันธเจดีย์ ด้านทิศตะวันออกของกรุงกุสินารา เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่พระบรมธาตุ มัลลกษัตริย์จึงเก็บพระบรมพระธาตุ ใส่พระโกศอัฐเชิญไปบูชาที่สัณฐาคารอีก ๗ วัน
ขณะนั้นบรรดา พระราชากษัตริย์และเจ้าผู้ครองเมืองต่างๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนา ทราบข่าวว่าพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้วที่กรุงกุสินารา ปราถนาที่จะได้ส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุมาไว้ในเมืองของตนเพื่อสักการะบูชา
ได้ส่งราชทูตมายังกรุงกุสินาราเพื่อเจรจาความประสงค์กับกษัตริย์มัลละ ขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุจากเหล่ามัลลกรุงกุสินารา เพื่ออัญเชิญไปสักการะบูชายังแคว้นของตน
ฝ่่ายกษัตริย์มัลละคิดว่า พระบรมศาสดาเสด็จมาปรินิพพานที่แว่นแคว้นของตนเพราะทรงปรารถนาจะให้พระบรมสารีริกธาตุแก่พวกตย คิดจะเก็บไว้บูชาเฉพาะนครของตน ไม่ประสงค์จะแบ่งให้ใคร
เมื่อราชทูตจากเมืองต่าง ๆ เข้าพบ เจรจาขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
เหล่าเจ้ามัลลแห่งกุสินาราตรัสว่า ธรรมดาพระรัตนะที่เสมอด้วยพระพุทธรัตนะ ไม่มีในโลกพร้อมทั้งในเทวโลก ก็รัตนะเกิดขึ้นในเขตคามของพวกเรา เราจักไม่ยอมให้ส่วนแบ่งแห่งพระบรมสารีริกธาตุนั้นแก่ผู้ใด
แคว้นต่าง ๆ ที่ส่งราชทูตมาเจรจามี ๗ เมืองด้วยกัน จึงแต่งกองทัพมาเผชิญหน้ากับนครกุสินารา
เมืองต่าง ๆ ที่มาล้วนแต่เป็นเมืองใหญ่ มีอำนาจทางการทหารเหนือว่ากรุงกุสินารามากมาย ด้วยศักดิ์ศรีกองทัพที่เหนือกว่า จะกดดันมัลลกษัตริย์ ให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี (ว.ป.วีรยุทฺโธ)
ป้ายกำกับ:
[บทความ]
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น