วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

ต้นบุนนาค

ต้นบุนนาค



ต้นบุนนาค” หรือ “ต้นนาค” มีชื่อพื้นเมืองที่เรียกกันต่างไปในแต่ละท้องถิ่นของไทย คือ นาคบุตร, ปะนาคอ, สารภีดอย, ก๊าก่อ, ก้ำก่อ เป็นต้น

ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mesua ferrea Linn.
วงศ์ Guttiferae



เป็นไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ สูงประมาณ 15-25 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกเรียบสีน้ำตาลปนเทา เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ


ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอกหรือรูปขอบขนาน ออกตรงข้ามกัน ปลายใบแหลม โคนใบมน เนื้อใบเหนียวและค่อนข้างแข็งเป็นมัน


ใบอ่อนของบุนนาค

ยามเมื่อผลิใบอ่อนจะเป็นสีชมพูสดใสสวยงาม เมื่อใบแก่จะมีสีเขียวเข้ม

ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นกลุ่มตามซอกใบ ดอกใหญ่สีขาว มี ๔ กลีบกลีบดอกหนา มีกลิ่นหอมมาก กลางดอกมีเกสร ตัวผู้สีเหลืองสดจำนวนมาก ส่วนเกสรตัวเมียจะมีสีขาว

ช่วงเวลาออกดอกราวเดือนมีนาคม-กรกฎาคม ส่วนผลเป็นรูปไข่ ปลายผลแหลม เปลือกหนาแข็ง ภายในมีเมล็ด สีดำแข็ง ราว ๑ - ๔  เมล็ด





นอกจากจะมีกลิ่นหอมมากแล้ว บุนนาคยังมีสรรพคุณ ด้านพืชสมุนไพรมากมาย กล่าวคือ
ใบใช้แก้เสมหะและพอกสมานแผลสด,
ดอกใช้ปรุงเป็นยาบำรุงโลหิต บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ แก้อาการร้อนอ่อนเพลีย ขับเสมหะ ขับลม แก้กระหายน้ำ ระงับกลิ่นตัว,
ผลมีฤทธิ์ช่วยขับเหงื่อ และฝาดสมาน,
เมล็ดแก้โรคปวดตามข้อ รักษาโรคผิวหนัง,
รากใช้เป็นยาขับลมในลำไส้



สำหรับประโยชน์ด้านอื่นๆ ก็มีมากเช่นเดียวกันคือ
ลำต้นใช้ทำไม้หมอนรางรถไฟ งานก่อสร้าง ต่อเรือ และเครื่องเรือนต่างๆ
เปลือกลำต้นบดเป็นผงใช้แต่งกลิ่นธูปหอม
น้ำที่กลั่นได้จากดอกใช้แต่งกลิ่นสบู่
และน้ำมันจากเมล็ดใช้จุดตะเกียง และทำเครื่องสำอาง



ในพระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน หัวข้อ ‘ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน’ ได้กล่าวถึง ผลแห่งการถวาย ‘ดอกบุนนาค’ บูชาของพระปุนนาคปุปผิยเถระ ไว้ว่า

“เราเป็นพรานเข้าไป (หยั่งลง) ยังป่าใหญ่ เราได้พบต้นบุนนาคมีดอกบาน จึงระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ได้เลือกเก็บดอกบุนนาคนั้น เอาแต่ที่มีกลิ่นหอมสวยงาม แล้วก่อสถูปบนเนินทรายบูชาแด่พระพุทธเจ้าในกัลปที่   ๙๒  แต่กัลปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ในกัลปที่   ๙๑ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า ตโมนุทะ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว   ๗ ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา ๔วิโมกข์  ๘  และอภิญญา  ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้”



และในหัวข้อ ‘คิริปุนนาคิยเถราปทาน’ ได้กล่าวถึง ผลแห่งการถวาย ‘ดอกบุนนาค’ บูชาของพระคิริปุนนาคิยเถระ ไว้ว่า

“ครั้งนั้น พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตะ ประทับอยู่ที่ภูเขาจิตตกูฏ เราได้ถือเอาดอกบุนนาคเข้ามาบูชาพระสยัมภูในกัลปที่ 94 แต่กัลปนี้เราได้บูชาพระสัมพุทธเจ้า ด้วยการบูชานั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้”



การเป็นมงคล คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นบุนนาคไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นผู้มีความประเสริฐและมีบุญ เพราะบุนนาคคือผู้มีบุญผู้ประเสริฐ และยังเชื่ออีกว่ายังสามารถป้องกันภัยอันตรายจากภายนอกได้อีกด้วย เพราะใบของบุนนาคสามารถรักษาพิษสัตว์ต่างๆ ได้ เช่น พิษงู 
นอกจากนี้แล้ว นาคยังหมายถึงพญานาค ซึ่งเป็นพญาสัตว์ชนิดหนึ่งในสมัยพุทธกาล ที่มีแสนยานุภาพในอันที่จะปกป้องและคุ้มครองพิษภัยได้

ปัจจุบัน บุนนาคเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดพิจิตร





ต้นบุนนาคที่เป็นต้นไม้ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มีหลายพระองค์ดังนี้
๖.พระสุมังคลพุทธเจ้า (ผู้เป็นบุรุษประเสริฐ) ต้นนาค หมายถึง ต้นบุนนาค
๗.พระสุมนพุทธเจ้า (ผู้เป็นวีรบุรุษมีพระหฤทัยงาม) ต้นนาค หมายถึง ต้นบุนนาค
๘.พระเรวตพุทธเจ้า (ผู้เพิ่มพูนความยินดี) ต้นนาค หมายถึง ต้นบุนนาค
๙..พระโสภิตพุทธเจ้า (ผู้สมบูรณ์ด้วยพระคุณ) ต้นนาค หมายถึง ต้นบุนนาค

ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.baanmaha.com
https://groups.google.com/forum/#!topic/morkeaw/fQtTINTgwhk
ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.watkaokrailas.com

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

งานสังสรรค์บัญชีจุฬา ๓๓



จากวันนัดพบรุ่นสถิติ ๕ มาจนถึงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ก็เป็นวันนัดสังสรรค์รุ่นบัญชี รุ่นที่ ๓๓
ก่อนวันงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรรณพร วีรวัฒน์ อดีตอาจารย์สถาบันภาษาอังกฤษ และอดีตนายกสโมสรอาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรืออาจารย์เป้า คุณยายตัวจริงของเด็กชายระฟ้า ขวัญใจของรุ่นตัวจิ๋ว ส่งไลน๋มาส่งข่าวคราวการนัดหมาย โดยเฉพาะ ชื่อของงาน ให้เพื่อน ๆ ทายปัญหา ว่า ชื่อของงาน หมายถึงอะไร



 ชื่องานของ วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๙  คือ ๓๓.๔๔.๙๙

ตัวเลขชุดนี้มีึความหมายกับพวกเราทุกคน แต่ไม่มีใครทายถูก อาจารย์เป้าก็เลยเฉลยว่า หมายถึงพวกเราเป็นบัญชี รุ่นที่ ๓๓ คบกันมา ๔๔ ปี จุฬาครบ ๙๙ ปี นั่นเอง

อาจารย์เป้ายังแจ้งอีกว่า  มีtheme เสื้อด้วยคือ ที่สวมใส่อะไรก็ได้เกี่ยวกับจุฬาร้อยปี เสื้อ theme จุฬาฯ เสื้อสีชมพูล้วนหรือเสื้อ CU ๑๕ ก็ได้

งานนี้เราก็จะฟังนักร้องในงานร้องเพลงจุฬาประมาณ ๑๐๐ เพลง
สถานที่งาน คือ โรงแรมมณเฑียรริเวอร์ไซด์ พระราม ๓
ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น.
ในงานมีรางวัลพิเศษ สำหรับผู้โชคดี   และหากเพื่อนๆท่านใดหารางวัลมาได้เพิ่มเติม แจ้งตัวแทนคนใดก็ได้ได้เลย




จนกระทั่งถึงวันงานคณะกรรมการช่วยกันหารางวัลมาได้ดังนี้  (สรุปในวันงาน)

๑.รางวัลเสื้อหน่อยสำหรับการจับสลาก ๓ ตัว   และอีก  ๓ ตัว แล้วแต่กรรมการ จัดสรร ตามใจชอบ
๒.แสตมป์ที่ระลึกจาก เก๊าfor everyone  (แสตมป์ที่มีภาพของตนเอง และเพื่อน ๆ )
๓.ครีมอาบนำ้จากปิ่น for everyone
๔.บัตร waft me จากแบน ๔ ใบ
๕. สบู่ล้างมือ M/S จากตา Jutatip   ๑ กล่อง 
๖.ผ้าคลุมไหล่แสนสวยจาก Oat   ๔  ผืน
๗.กระเช้าสุขภาพจากต๊ะ Satayapon   ๑ กระเช้า
๘. Bulgaria yogurt จาก Prasit  ก.๓
๙. บัตรส่วนลดค่าอาหารจาก ร้าน"กลางซอย"  ๒  2ใบ@ ๕๐๐  บาท
๑๐.ข้าว Ricberryไปร่วมงานเป็นของขวัญเพื่อนๆๆๆๆจำนวน. ๓๓ ก้อน(kg.)ตามconceptงาน  โดย  สุเกรียง ข.  ๔ ส่งของขวัญมาให้เพื่อน ตามconcept งาน '๓๓.๔๔.๙๙'



พลอยโพยมก็ไปถึงโรงแรม สายตามเคย ด้วยเสื้อ theme จุฬาฯ ๑๐๐ ปี ซึ่งอาจารย์เป้าถือมาให้ผู้สั่งซื้อ ในงานสังสรรค์สถิติ ๕ 

พอไปถึงโรงแรม พนักงานต้อนรับเดินมาเปิดประตูรถ (แท็กซี่ ) ให้ พนักงานต้อนรับบอกห้องและชั้นให้เรียบร้อย พอเข้าบริเวณงาน ก็พบเพื่อน ๆ มากันเป็นส่วนใหญ่ แล้ว ขอสื่อ ภาพ ดังนี้


จุดลงทะเบียน (หากไม่ลงทะเบียนก็หมดสิทธิ์มีชื่อในการจับสลากรับรางวัล)


อาหารจัดอยู่ด้านนอกห้องจัดเลี้ยง  มีมุม ก๋วยจั๊บ รสเลิศ ปรุงชามต่อชาม  และเซทสลัด  เลือกตามใจชอบ


ประตูเข้าห้องจัดเป็นซุ้ม สวยงามสื่อความหมาย คณะบัญชี จุฬา ด้วย สีฟ้า - ชมพู



Backdrop  มุมสำคัญสำหรับให้ผู้มาร่วมงานเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก โดยไม่ต้องไปที่มหาวิทยาลัยให้เหนื่อยกาย เหนื่อยใจกับการรถติด หาที่จอดรถไม่ได้

ขอบคุณทีมงานจริง ๆ   ที่นำหอประชุมใหญ่ และกิ่งก้านสาขาของจามจุรีศรีจุฬา  เข้ามาแผ่ร่มใบในงาน ให้พวกเราได้เข้าไปหลบพักใต้ร่มเงายามแสงแฟลชเจิดจ้า









มุมที่พนักงานชายสองคนยืนบังมีไอศครีม แสนอร่อย ๑ ถัง ภาพนี้ถ่ายตอนใกล้กลับ ผลไม้เลยมองเห็นแต่แตงโม ซึ่งจริง ๆ มีหลายชนิด


ก้อนน้ำแข็งแกะสลักที่งดงาม ละลายคลายรูปโฉมไปนานแล้วเพราะถ่ายภาพตอนใกล้จะกลับนั่นเอง




มุมถ่ายภาพที่แต่ละคนมาเป็นนางแบบฉายเดี่ยว แล้วนำไป print ออกมาเป็นรูปแสตมป์


ตัวอย่างแสตมป์ที่ทุกคนจะได้รับกลับมาเป็นที่ระลึก อภินันทนาการพิเศษเป็นของแถม อย่างที่ ๑ จากคุณเก๊า เจ้าภาพใหญ่ของงาน


ก่อนเข้าสู่พิธีการของงาน ธรรมเนียมปฏิบัติของชาวจุฬา ฯ คือต้องยืนตรงแสดงเคารพเพลง มหาจุฬาลงกรณ์ เพียงดนตรีขึ้น มีตัวแทนแต่ละ group  ขึ้นไปร่วมร้องเพลง เปิดงานบนเวที



ใม่ใช่เพียงยืนตรง ทุกคนร่วมร้องเพลง น้ำใจน้องพี่สีชมพู ดังกระหึ่มในห้อง ภาพที่ยังไม่พร้อมเพราะเป็นช่วงเพลงยังไม่ขึ้นเนื้อร้องเลยยังเตรียมตัวกันไม่ทัน

ใครใคร่ไปตักอาหารอะไรก็ตามอัธยาศัย สำหรับน้ำดื่มมีพนักงานบริกรมากมายให้เรียกหาของต้องประสงค์ บริการอย่างรวดเร็วทันใจ

มีนักร้องคู่ขวัญ  ขับกล่อมเพลงมหาลัยของเราตลอดเวลา คงได้ ๑๐๐ เพลงตามอาจารย์เป้าแจ้ง (แต่คงต้องร้องวนไปวนมา) แต่ถ้าเป็นเพลงทั่ว ๆ ตามสไตล์สมัยนิยม ของ รุ่น ๓๓ ก็เกิน ๑๐๐ เพลง

 หลังจากนั้น บนเวที่ก็มิได้ว่าเว้นพิธีกร  นักร้อง อีกเลย   คุณเก๊าเชิญ แต่ละกรุ๊บ  ซึ่งเป็น ก. ๑....  ข ๑....  สถิติ.... สบทบ... ขึ้นไปร้องเพลงนอกเหนือจากนักร้องเดี่ยวหรือนักร้องคู่  บางกลุ่มก็ขึ้นร้องทั้งกลุ่มที่มางาน และเกิดอาการไม่ยอม คืนไมค์ กันเกือบทุกกลุ่ม











 ร้องจนครบและเกินมามากมาย  ก็มีรายการรวมทุกกลุ่มขึ้นร้องเพลงร่วมกันอีกครั้ง

ขออภัยที่เซพภาพในไลน์ไม่ทันเพราะเมมมอรี่เต็ม จึงได้ภาพแค่บางส่วน (ไม่ครบทุกกลุ่มที่ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที)

แล้วก็ถึงรายการรำวง  คุณเก็า ก็สามารถเรียกสาวรำวงออกมาได้เต็มพื้นที่กลางเวที่  แต่ละหนุ่มน้อย สาวน้อย (ของแท้ )  ออกมาวาดลีลาไม่ยอมแพ้ซึ่งกันและกัน งานนี้ทั้งร้อง ทั้งรำ ทั้งเต้น กันสนุกสนาน (อย่างลืมวัย ตัวเอง )







มีการเก็บภาพอย่างเป็นทางการ ของแต่ละกลุ่ม โดยช่างภาพกลางของงาน





แต่ละกลุ่มก็เก็บภาพการมาร่วมงานของตนเองไว้ตามอัธยาศัย








คณะกรรมการจัดงานวันแห่งความสุขวันนีั้ ( ภาพนี้ไม่ครบทีม )























สำหรับภาพหมู่นี้คุณเก๊าอภินันทนาการให้ตามเคย ทุกคนที่มาร่วมงานวันนี้นอกจากจะได้รับภาพแสตมป์ ที่มีรูปตัวเองแล้วก็จะได้รับภาพหมู่ใบนี้ติดมือออกมาจากงานด้วย พร้อมทั้งรายการที่มีแจกให้สำหรับทุกคน ตามที่อาจารย์เป้าแจกแจงไว้ข้างต้น  และบางส่วนที่มีไม่ครบจำนวนคน ก็เป็นการจับสลากผู้โชคดี วัดดวงกัน



ครีมอาบน้ำ จากคุณปิ่น สำหรับทุกคน

สำหรับปีนี้นับว่าพลอยโพยมโชคดี ทีได้รับการจับสลากชื่อเพื่อรับ ข้าว " แสนสุขใจ ไรซ๋เบอรี่"  ข้าวสารอร่อย เพื่อสุขภาพ



เจ้าภาพที่นำมาคือคุณสุเกรียง  ตอนอาจารย์เป้าประกาศว่า สุเกรียงมอบให้อมร ฟังดูเหมือนชื่อผู้ชายทั้งผู้ให้และผู้รับ ที่แปลกกว่านั้นคือข้าว "แสนสุขใจ ไรซ๋เบอรี่" เป็นสินค้า โอทอป ปลูกโดยสมาชิกกลุ่มเกษตรกร ผู้ทำนาปลอดสารพิษ ที่ตำบลบางโรง อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา (จังหวัดถิ่นฐานบ้านเกิดและอยู่มาโดยตลอดของพลอยโพยมเอง) ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลักไม่ใช้สารกำจัดวัชพืชและสารกำจัดแมลงที่เป็นอันตราย

ข้าว "แสนสุขใจ ไรซ์เบอรี่"   มีสารอาหารที่มีประโยชน์สูงสุด ดังนี้  โอเมกา-๓ , เบต้าแคโรทีน ,แกมม่า โอไรชานอน ,ลูทีน , แทนนิน , โพลิฟินอล ,ธาตุเหล็ก , ธาตุสังกะสี , วิตามินบี ๑ , วิตามินอี ซึ่ง ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ , ป้องกันโรคเหน็บชาและบำรุงสายตา , ช่วยลดระดับไขมัน และคลอเลสเตอรอล , ป้องกันโรคหัวใจ , ช่วยให้ระบบย่อยอาการ  ระบบขับถ่ายปกติ , สร้างคอลลาเจนช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ กระตุ้นรากผม ป้องกันผมร่วง
หากสนใจติดจ่อสั่งซื้อได้ที่ ๐๘๑ -  ๙๓๘  ๙๒๘๐  หรือ  ๐๙๑ - ๔๐๗ ๕๔๔๓
สำหรับวิธีการหุงอยู่บนฉลาก

สุภาพสตรีที่รับประทานข้าว"แสนสุขใจ ไรซ์เบอรี่"  ก็จะสวยสดใสตลอดกาล เป็นส่าวสองพันปีแบบคุณสุเกรียงเจ้าของผลิตภัณฑ์  สุภาพบุรุษก็คงเป็นหนุ่มสักพันปีก็พอ



อำเภอคลองเขื่อนเคยเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอบางคล้าก่อนจะแยกออกมาเป็นกิ่งอำเภอคลองเขื่อน และเป็นอำเภอคลองเขื่อน
 อำเภอบางคล้า.....  ต้นกำเนิดของขาวขาวดอกมะลิ ๑๐๕ เปนพันธุขาวหอมที่ไดจากการนําขาวพันธุพื้นเมืองจากนาเกษตรกร อําเภอบางคลา จังหวัดฉะเชิงเทรา จํานว ๑๙๙ รวง มาปลูกเพื่อศึกษาพันธุและไดขาวรวงที่ ๑๐๕ ที่มีลักษณะพิเศษ คือ มีกลิ่นหอม และเมล็ดออนนุม เมื่อนํามาหุงตม ดังนั้น จึงมีการปรับปรุงพันธุใหบริสุทธิ์ตามหลักวิชาการจนไดพันธุขาวขาวดอกมะล ๑๐๕ และ รัฐบาลประกาศใหขยายพันธุสงเสริมการปลูกไดตั้งแตวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ เปนตนมา สําหรับพื้นที่ปลูกขาวขาวดอกมะลิ ๑๐๕ ที่เหมาะสม ไดแก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางบางพื้นที่
 (ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/rice/rice.pdf )



ขอเล่าความเป็นมาของงานสังสรรค์บัญชี ๓๓ ดังนี้

 ย้อนหลัง เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ หรือเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว คุณ ศุภลักษณฺ อัศวานนท์ หรือคุณเก๊า ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน สังสรรค์ ๔๐ ปี คณะบัญชีจุุฬา ๓๓ ใน concept ว่า

"ขอบคุณปีงูใหญ่ใจดี"
"มีแต่ให้..ไม่เอาเปรียบ..ไม่เหยียบเพื่อน"

ในครั้งนั้นเป็นปีที่ ๔๐ ที่พวกเราเคยร่วมเรียนกันมา คุณเก๊า บอกว่า ผมอ่านเจอมาน่ะ ชอบใจมาก กับคำว่า "ไม่เหยียบเพื่อน" ส่วน "มีแต่ให้...ไม่เอาเปรียบ" ผมตั้งใจอยู่แล้ว เห็นเพื่อน ๆ มีความสุข สนุก ผมก็สุขใจ

ในงานสังสรรค์ ครั้งนี้ (๒๕๕๙) มีจำนวนเพื่อนผู้มาร่วมงาน ถ้าจำไม่ผิด ๑๑๗ คน



สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ คุณเก๊า จัดงานนี้อย่างต่อเนื่อง เป็นผู้ให้ มาโดยตลอด   ผู้มาร่วมงานไม่ต้องถือของมาจับสลาก แต่ทุกคนจะมีของที่ระลึกติดมือกลับบ้านกันทุกคน

แม้จะเป็นการให้ทางโลก ก็เป็นการให้ทานที่ต้องยกย่องกับคำว่า "มีแต่ให้..ไม่เอาเปรียบ"
โลกเราคงจะงดงามตระการตาน่าอยู่ขึ้นอีกมากถ้ามีคนคิดอย่าง คุณเก๊า

ในนามเพื่อนร่วมรุ่นรู้สึกซาบซึ้งใจในการเป็นผู้ให้ของคุณ ศุภลักษณ์ อัศวานนท์ เป็นอย่างยิ่ง  ขอขอบคุณคุณเก๊า  และกลุ่มเพื่อน ที่สนับสนุนการเป็นผู้ให้ของคุณเก๊า โดยนำของของตนเองมาร่วมรายการกันคับคั่ง หากเอ่ยชื่อมาไม่ครบเพราะจำชื่อและรายการไม่ได้นั่นเองก็ขออภัยมาณ ที่นี้

ขอให้เจ้าภาพทุกท่านเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมความปรารถนาทุกประการ


ขอขอบคุณภาพ คำขอบคุณจาก อินเอร์เนท