วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557
พระฉันนะ ๓
พระฉันนะ
ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.kammatan.com/board/index.php?topic=250.15
เกร็ดประวัติพระฉันนะ จากหนังสือ ตามรอยกรรม พระอานนท์พุทธอนุชา
หลังจากการปฐมสังคายนาอานนท์เถระ ได้ไปยัง โฆสิตตาราม เมืองโกสัมพี ซึ่งเป็นที่พำนักของพระฉันนะ โดยประชุมท่ามกลางสงฆ์ ที่ไม่มีพระฉันนะอยู่ด้วยว่า
“ ผู้อาวุโสทั้งหลาย! นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พระฉันนะต้องการทำอย่างใด จะพูดอย่างใด และปฏิบัติประพฤติอย่างใด ก็ปล่อยให้ทำได้ตามอัธยาศัย ภิกษุทั้งหลาย ไม่พึงกล่าวตักเตือน ไม่พึงสนทนาปราศรัย หากจำเป็นต้องพูด ก็จงพูดเฉพาะกิจที่จำเป็น นี่คือพุทธบัญชาให้กระทำต่อพระฉันนะจงปฏิบัติตามพุทธประสงค์เถิด”
เมื่อกล่าวตัดสินลงทัณฑ์เสร็จสิ้น พระอานนท์กล่าวถึงธรรมที่พุทธองค์ตรัสกับท่านไว้ว่า
“อานนท์” ในธรรมวินัยนี้ เราตถาคตจะไม่ทำกับพวกเธออย่างทะนุถนอม แต่จะทำอย่างช่างหม้อทำกับหม้อดินที่ยังเปียกอยู่ ด้วยการทุบตี ตบแต่งกระทุ้งแล้ว กระทุ้งอีก อานนท์เอย เราจักทำกับภิกษุด้วยการขนาบแล้ว ขนาบอีกไม่หยุดหย่อน เราจักชี้ให้ให้เห็นโทษภัยของกิเลส ตัณหา อุปาทานในขันธ์ทั้งห้าไม่หยุดหย่อน ด้วยหวังให้ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์เป็นสำคัญ ผู้ใดเห็นสาระเห็นคุณประโยชน์ผู้นั้นจักทนต่อการกระหนาบ และจักทนอยู่ในธรรมวินัยนี้”
พระอานนท์กล่าวต่อในที่ประชุมสงฆ์ว่า “ท่านอาวุโสทั้งหลาย ด้วยประการละฉะนี้ ข้าพเจ้าขอประกาศพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ เพื่อเธอจักได้สำนึกตน ปฏิบัติตนในทางที่ชอบเป็นสัมมาทิฏฐิต่อไป”
ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.ploengarden.com/product/293/forget-me-not
ข่าวการลงพรหมทัณฑ์พระฉันนะแพร่กระจายไปอย่างไฟลามทุ่ง
ไฟพรหมทัณฑ์นี้ พุ่งไปยังที่กุฎีของพระฉันนะผู้คอยเงี่ยโสตฟังอยู่ ผลการประชุมที่มีพระอานนท์เป็นประธานคงมีอะไรพิเศษเป็นแน่ ด้วยความอยากรู้ว่าคณะสงฆ์ประชุมเรื่องอะไรกัน วันนี้ทำไมเงียบสงัดนัก หามีผู้ใดผ่านกุฎีที่พักตนไม่ ครั้นอนรนทนไม่ไหว จึงชะโงกหน้าออกไปแลเห็นสามเณรน้อยองค์หนึ่ง พยายามเดินเลี่ยงเฉียดไป จึงเรียกเณรน้อยมาไต่ถามว่าวันนี้มีการประชุมเรื่องอะไร สามเณรน้อยจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง
“พระฉันนะผู้เจริญ การประชุมสงฆ์วันนี้ มีพระอานนท์พุทธอนุชาผู้เป็นพุทธอุปฐาก ได้รับพุทธบัญชามาให้กระทำลงโทษท่านด้วยวิธีให้คณะสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ โดยให้ภิกษุสงฆ์พร้อมใจกันไม่พูดคุยสนทนาไม่ว่ากล่าวตักเตือน ไม่ทำการสั่งสอน หากพระฉันนะต้องการทำอะไรก็จงปล่อยให้ทำตามประสงค์”
พระฉันนะได้ฟังแล้วก็บังเกิดสลดสังเวชในดวงจิต ถึงกับสลบไปถึงสามครั้ง เมื่อฟื้นจากสลบแล้วก็เริ่มทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ตนเข้ามาบวชตั้งแต่ต้นอาศัยพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ที่ตนเคารพรักบูชาสูงสุดเคยตักเตือนหลายครั้ง แต่ตัวเรานี้หาเชื่อฟังพระองค์ไม่ แต่เหล่าศากยบุตรและศากยาณีทั้งหลายที่เข้ามาบวช ต่างบรรลุมรรคผลนิพพานจำนวนมากมาย อันตัวเรานี้ถือว่าว่าเป็นสหชาติมาเกิดร่วมสมัยกับพระพุทธองค์เพื่อทำความดี แต่มัวอวดตัวถือดีมีทิฏฐิ ไม่ขวนขวายหาความดีที่เป็นยอดยิ่งของความดี ไม่สนใจจะศึกษาปฏิบัติธรรม วัน ๆ ไม่ทำกิจการงานอะไร ปล่อยวันเวลาให้สูญเปล่าล่วงเลยไปไร้ประโยชน์ เวลาผ่านไปเท่าไร อายุเราก็ลุถึง ๘๐ ปี กว่าแล้ว ร่างกายสังขารนี้จะจบสิ้นเมื่อวันได้เราก็ไม่รู้...
นี่คือจิตสำนึกของพระฉันนะผู้เฒ่า เริ่มมองเห็นและเข้าใจใจเจตนารมณ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ชะรอยการลงพรหมทัณฑ์มีพุทธประสงค์ที่แท้จริงเพื่อจะสงเคราะห์เราให้ดวงตาเห็นธรรม จึงขอร้องพระอานนท์ได้ช่วยอนุเคราะห์เทศนาธรรมที่ควรแก่จริต ด้วยคำวิงวอนว่า
ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.ploengarden.com/product/293/forget-me-not
“ข้าแด่ท่านอานนท์ ผู้เจริญ ขออย่าให้กระผมฉิบหายเลย”
พระอานนท์กล่าวขึ้นว่า ท่านฉันนะ ดีแล้ว ดีแล้ว ท่านละความเห็นผิดจากมิจฉาทิฏฐิ กลับมาเป็นสัมมาทิฏฐิ จึงช่วยสงเคราะห์เทศนาธรรมที่เป็นอริยธรรมนำไปสู่การบรรลุมรรคผลตามลำดับคือ
ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.ploengarden.com/product/293/forget-me-not
อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นทางเดินมรรคาไปสู่พระนิพพาน
รักษาศีลปาฏิโมกข์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์
สำรวมในอินทรีย์ให้คุมครองในอินทรีย์ทั้ง ๖
รู้จักประมาณตนในการบริโภค
จงเร่งปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องตื่น
มีหิริ โอตัปปะ
ปลีกกายหลีกเร้นปราศจากการคลุกคลี หาที่สงบไม่พลุกพล่านให้ห่างจากหมู่คณะ
เจริญญาณด้วยสติ สมาธิ ปัญญา ครั้นสติตั้งมั่นแล้ว ให้เจริญวิปัสสนาญาณอันด้วย กายคตาสติปัฏฐาน ประกอบด้วย
๑. สติปัฏฐาน ๔
๒. สัมมัปธาน ๔
๓. อิทธิบาท ๔
๔. อินทรีย์ ๕
๕. พละ ๕
เมื่อปฏิบัติถึงขั้นนี้แล้ว องค์ธรรม คือ โพชฌงค์ ๗ จะเกิดขึ้น จนเห็นแจ้งใน ปฏิจจสมุบาท
เมื่อพระฉันนะฟังธรรมโดยย่อจากพระอานนท์แล้ว เกิดความเลื่อมใส ปิติปราโมทย์ ก้มกราบพระอานนท์ กลับสู่ที่พำนักเร่งบำเพ็ญเพียรภาวนา สำเร็จพระอรหันต์ขีณาสพทรงคุณด้วยปฏิสัมภิทาญาณ ภายใน ๑๕ วัน
ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.turtlepuddle.org/alaskan/butterfly8.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://kraap-pra.blogspot.com/2012/09/blog-post_9.html
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น