วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557
พระอานนท์และพระฉันนะ
ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.dhammatalks.net/Articles/Life_of_the_Buddha_in_Pictures.htm
ในบรรดาพระภิกษุที่ว่ายากสอนยากนั้น ไม่มีใครเกินพระฉันนะ พระฉันนะหรือเดิมชื่อนายฉันนะ เป็นผู้ที่เกิดพร้อมเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิด ในยามที่เจ้าชายออกบวชก็ออกตามเสด็จพร้อมด้วยม้ากัณฐกะ อีกทั้งมีชื่อว่าเป็น สหชาติ (ผู้เกิดในเวลาเดียวกันพร้อมกัน) เพราะอย่างนี้ จึงได้หยิ่งทะนงตนเองว่าเป็นคนใกล้ชิดพระพุทธองค์มาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่ค่อยยอมรับการว่ากล่าวตักเตือนจากพระรูปอื่น
พระฉันนะชอบด่าพระอัครสาวกสองท่านคือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ว่า
"อันตัวเรานั้นเป็นผู้เดินทางไปพร้อมกับพระพุทธองค์ในคราวท่านออกผนวช ส่วนพระสองรูปนี้กลับเที่ยวประกาศตนว่า เป็นพระสารีบุตรบ้าง เป็นพระโมคคัลลานะบ้าง เที่ยวประกาศตนว่าเป็นพระอัครสาวก"
พระพุทธเองค์ทรงทราบ ก็เรียกมาว่ากล่าวตักเตือน พระฉันนะก็นิ่งรับฟัง พอพระพุทธองค์เสด็จไป ก็เริ่มด่าพระอัครสาวกอีก แม้พระพุทธองค์จะเรียกมาตักเตือนอีกจนถึงครั้งที่ ๓ ว่า พระอัครสาวกทั้งสองรูปเป็นกัลยามิตรที่ดี เป็นผู้ประเสริฐ จงคบกัลยาณมิตรเพื่อนผู้ดีงามเช่นนี้เถิด แม้กระนั้น พระฉันนะได้ฟังโอวาทแล้วก็ยังไม่เชื่อฟัง ยังคงด่าพระอัครสาวกอีกต่อไป
พระพุทธองค์จึงตรัสแก่บรรดาพระภิกษุว่า ภิกษุทั้งหลาย ขณะที่เรายังคงอยู่ พวกเธอคงไม่อาจอบรมสั่งสอนฉันนะได้ แต่เมื่อเราปรินิพพานไปแล้ว จึงจะสามารถทำได้ พระอานนท์จึงกราบทูลถามว่า จะให้ทำเช่นไรต่อพระฉันนะ พระองค์จึงได้ตรัสว่า ให้ลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนะ
ครั้นพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานไปแล้ว พระสงฆ์ก็ประกาศลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ
ขอขอบคุณภาพจากwww.dhammajak.net
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปยังวัดโฆสิตาราม ครั้นแล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดไว้ ท่านพระฉันนะเข้าไปหาท่านพระอานนท์อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ท่านพระอานนท์ได้กล่าวกะท่านพระฉันนะผู้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า
ท่านฉันนะ " สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่ท่านแล้ว ฯ "
พระฉันนะ "ท่านพระอานนท์ ก็พรหมทัณฑ์เป็นอย่างไร"
พระอานนท์ "ท่านฉันนะ ท่านปรารถนาจะพูดคำใด พึงพูดคำนั้น ภิกษุทั้งหลาย ไม่พึงว่ากล่าว ไม่พึงตักเตือน ไม่พึงพร่ำสอนท่าน"
พระฉันนะ " ท่านพระอานนท์ ด้วยเหตุเพียงที่ภิกษุทั้งหลายไม่ว่ากล่าว ไม่ตักเตือนไม่พร่ำสอนข้าพเจ้านี้ เป็นอันสงฆ์กำจัดข้าพเจ้าแล้วมิใช่หรือ "
แล้วพระฉันนะก็สลบล้มลงณ ที่นั้นเอง
ขอขอบคุณภาพจากwww.dhammajak.net
ต่อมา ท่านพระฉันนะ อึดอัด ระอา รังเกียจอยู่ด้วยพรหมทัณฑ์ จึงหลีกออกอยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่ ไม่นานเท่าไรนัก ได้ทำให้แจ้งซึ่งคุณพิเศษอันยอดเยี่ยม เป็นที่สุดพรหมจรรย์ ที่กุลบุตรทั้งหลายออกจากเรือนบวชโดยชอบต้องประสงค์ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ด้วยตนเองในปัจจุบันนี้แหละเข้าถึงอยู่แล้ว ได้รู้ชัดแล้วว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มี
ก็แล ท่านพระฉันนะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ครั้นท่านพระฉันนะบรรลุพระอรหัตแล้ว เข้าไปหาท่านพระอานนท์แล้วกล่าวว่า ท่านพระอานนท์ ขอท่านจงระงับพรหมทัณฑ์แก่ผมในบัดนี้เถิด
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ท่านฉันนะ เมื่อใด ท่านทำให้แจ้งซึ่งพระอรหัตแล้ว เมื่อนั้นพรหมทัณฑ์ของท่านก็ระงับแล้ว ฯ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/s.php?B=7&A=7616&Z=7637
https://www.gotoknow.org/posts/140929
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น