วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557
สู่แดนพระพุทธองค์ ๑๒๒ พระอานนท์ ๑๗
ขอขอบคุณภาพจากwww.phuttha.com
คุณธรรมอีกอย่างหนึ่งของท่านพระอานนท์ คือ เป็นผู้สุภาพอ่อนโยน มีนิสัยละมุนละไมน่ารัก ทั้งมีความเคารพยำเกรงในพระเถระผู้ใหญ่
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเป็นที่รักของพระมหาเถระทั้งหลาย มีท่านพระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะและท่านพระมหากัสสปเป็นต้น และท่านได้พบปะสนทนากับพระมหาเถระเหล่านี้บ่อย ๆ
ในคัมภีร์อังคุตตรนิกาย ได้กล่าวถึงการสนทนาธรรมระหว่างท่านกับพระสารีบุตร ไว้หลายเรื่อง เช่น เรื่องเกี่ยวกับนิพพาน สมาธิ ภิกษุผู้ฉลาด และภิกษุผู้ไม่ได้สดับ จากการสนทนาธรรมเหล่านี้
ท่านพระสารีบุตรผู้ซึ่งได้รับเอตทัคคะจากพระพุทธองค์ว่า เป็นยอดแห่งภิกษุผู้มีปัญญา ได้ยกย่องท่านพระอานนท์ว่า มีคุณธรรม ๖ อย่าง คือ (๑) เป็นผู้ได้เรียนได้ฟังธรรมมาก
(๒) เป็นผู้แสดงธรรมตามที่ได้เรียนได้ฟังโดยพิสดาร
(๓) เป็นผู้สายธยายธรรมโดยพิสดาร
(๔) เป็นผู้ตรึกตรองเพ่งพิจารณาธรรม
(๕) เป็นผู้อยู่ใกล้กับพระเถระผู้พหุสูต ผู้ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา
(๖) ท่านได้เข้าหาท่านเหล่านั้น เพื่อเรียนถามข้อที่ควรถามนการอันสมควร
ขอขอบคุณภาพจากmediacenter.mcu.ac.th
ท่านพระอานนท์มีความเคารพรักในท่านพระสารีบุตรมาก ท่านได้เคยเก็บอดิเรกจีวรซึ่งเกิดแก่ท่านไว้ถวายแก่ท่านพระสารีบุตร อันเป็นต้นเหตุให้ทรงอนุญาตให้เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้ ๑๐ วัน
เมื่อท่านได้ทราบข่าวการนิพพานของท่านพระสารีบุตรจากสามเณรจุนทะ อุปัฏฐากของท่านพระสารีบุตร
ท่านเสียใจมาก ได้นำความกราบทูลพระผู้มีพระภาค บรรยายความเสียใจถวายว่า กายของท่านประหนึ่งจะงอมระงมไป แม้ทิศทั้งหลายก็ไม่ปรากฏแก่ท่าน ธรรมก็ไม่แจ่มแจ้งแก่ท่าน เพราะการนิพพานของท่านพระสารีบุตร
พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงธรรมแก่ท่าน เพื่อปลดเปลื้องความเศร้าเสียใจในโอกาสนี้โดยพิสดาร
ในเถรคาถา กล่าวถึงถ้อยคำของท่านพระอานนท์ไว้ตอนหนึ่งว่าเมื่อท่านพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ผู้เป็นกัลยาณมิตรนิพพานไปแล้วโลกทั้งหมดนี้ปรากฏแก่ท่านเหมือนมืดมน
ขอขอบคุณภาพจากwww.sathanimahaprash.com
ท่านพระอานนท์มีความเคารพรักในท่านพระมหากัสสปเถระมากแม้แต่ชื่อของท่านพระมหากัสสป ท่านก็ไม่ยอมระบุ
ดังมีเรื่องเล่าไว้ว่าครั้งหนึ่งท่านพระมหากัสสปจะอุปสมบทกุลบุตร จึงส่งทูตให้ไปนิมนต์ท่านพระอานนท์มาสวดอนุสาวนา
ท่านไม่รับโดยให้เหตุผลว่า ท่านไม่อาจระบุชื่อของท่านพระมหากัสสปได้ เพราะท่านพระมหากัสสปเป็นที่เคารพของท่าน
เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องนี้เข้า ก็ทรงบัญญัติให้สวดอนุสาวนาระบุชื่อโคตรกันได้
และในการสนทนากับท่านพระมหากัสสปเถระท่านใช้คำว่า ภนฺเต เสมอ
ขอขอบคุณภาพจากwww.dhammajak.net
นอกจากการได้ขวนขวายให้พระนางมหาปชาบดีและเจ้าหญิงศากยะวงศ์ทั้งหลายได้บวชในพระพุทธศานาแล้ว
คราวที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน ท่านมีหน้าที่จัดพุทธบริษัทให้เข้าถวายความเคารพพระบรมศพ และได้จัดให้สัตรีเข้าถวายความเคารพก่อนโดยท่านให้เหตุผลว่า สัตรีเหล่านี้ถ้าหากให้เข้าถวายความเคารพพระบรมศพภายหลังพวกเธอทั้งหลายจะลำบากเกี่ยวกับการเดินทางกลับบ้านเนื่องจากมืดค่ำเสียก่อน
พระอานนท์เถระเป็นพุทธอุปัฏฐาก ที่รักใคร่นับถือของบรรดาพุทธบริษัททุกท่านที่มาเฝ้าพระพุทธองค์ เพราะท่าน “ จัดการ ” ได้ดีมาก เป็นที่ถูกใจของพุทธบริษัท
พระอานนท์เถระท่านมีเมตตาธรรมสูงเห็นเด็กขอทานบ้าง เด็กจัณฑาลบ้างที่ไม่มีที่พึ่ง ท่านสงสาร นำเอาไปเลี้ยงไปฝึกฝนอบรม โดยการบวชเณรให้จำนวนมาก
งานด้านการ “ขัดเกลา” สันดานคนเป็นเป็นงานหนัก แต่ท่านก็ทำจนพระมหากัสสปะพระผู้เฒ่าที่เมตตาท่านมากพูดสัพยอก ท่านว่า “ ดูก่อนเจ้าเด็กน้อยอานนท์ ”
ขอขอบคุณข้อมูลจากwww.dhammajak.net
http://www.kunkroo.com/catalog.php?idp=98
http://www.larnbuddhism.com/atatakka/pratera/pratera01.html http://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-anon-04.htm
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น