ขอขอบคุณภาพจากwww.84000.org
ไปโปรดแสดงธรรมถึงแม้จะมีคนเดียว
คราครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ทูลอาราธนาพระพุทธองค์ไปเสวยภัตตาหารและแสดงธรรมโปรดในพระราชวังประจำ พระพุทธองค์ตรัสว่า พระองค์ทรงมีภารกิจต้องโปรดสัตว์โดยเสมอภาคกัน ไม่เหมาะจะไปประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งนาน ๆ จึงทรงมีพุทธปัญชาให้พระสาวกหลายรูปไปฉันประจำ และเทศนาโปรด ในจำนวนนั้นมีพระอานนท์เถระอยู่ด้วย
ปรากฏว่าพระเถระเจ้าหายไปทีละรูปสองรูป จนเหลือพระอานนท์รูปเดียว ที่ท่านหายไป ก็เพราะพระราชาก็ดี พระมเหสีทั้งหลายก็ดี ไม่ค่อยเอาพระทัยใส่ แรก ๆ ก็ดีอยู่มากันพร้อมหน้า ตั้งอกตั้งใจฟังธรรม นาน ๆ เข้าก็ขาดหายไปทีละองค์สององค์ พระราชาเองพระราชกรณียกิจก็มาก ตกลงเหลือเฉพาะพระนางมัลลิกา พระมเหสีองค์หนึ่งและบริวารไม่กี่คน และพระคุณเจ้าที่ไปประจำคือพระอานนท์เถระความทราบถึงพระพุทธองค์
พระองค์ทรงตรัสสรรเสริญว่า พระอานนท์เถระเป็น “ การณวสิโก” แปลกันว่า เป็นผู้หนักในเหตุผล
มีผู้แปลว่า เป็นผู้ยึดมั่นในหลักการ “ การโปรดสัตว์ ” นั้นแหละเป็นพระสมณศากยบุตร ต้องยึดมั่นในการเทศโปรดสัตว์หรือสั่งสอนประชาชนไม่เห็นแก่เหนื่อยยาก ไม่ถือเอาเหตุอื่นใดมาเป็นข้ออ้าง ถึงคนที่เขานิมนต์มาเขาจะหายไปทีละคนสองคน แต่ตราบใดยังมีคนฟังอยู่ ท่านก็ยังมาแสดงให้ฟัง
ได้รับการสรรเสริญพระพุทธองค์ว่าสามารถแสดงธรรมที่ทรงแสดงไว้โดยย่อให้พิสดารได้
ครั้งหนึ่ง พระภิกษุทั้งหลายได้ฟังธรรมกถาย่อ ๆ จากสำนักพระผู้มีพระภาค ไม่เข้าใจเกิดความลังเลสงสัย จึงพร้อมใจกันไปหาท่านพระอานนท์ เล่าความถวายท่านว่า พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอุเทศโดยย่อว่า บุคคลควรทราบสิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรม สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์สิ่งที่เป็นประโยชน์ ครั้นทราบแล้วจึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารเสด็จลุกจากอาสนะเข้าสู่พระวิหารเสีย พวกท่านจึงได้พร้อมใจกันมาขอให้ท่านพระอานนท์ช่วยจำแนกให้ฟังว่า อะไรคือสิ่งที่ไม่เป็นธรรม และอะไรคือสิ่งที่เป็นธรรม
ท่านพระอานนท์กล่าวกับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลายเหมือนผู้ต้องการไม้แก่น เที่ยวหาไม้แก่นอยู่ แต่เมื่อพบแล้วก็ไม่ตัดเอารากและลำต้นมัน ไปสำคัญใบและกิ่งว่าเป็นแก่นไม้ที่ตนต้องประสงค์ แล้วจะพบแก่นไม้ได้อย่างไร? ข้อนี้เหมือนกับภิกษุทั้งหลายเมื่อพบพระพุทธเจ้า ซึ่งเปรียบเทียบเหมือนไม้ใหญ่มีแก่นแล้ว แต่ไม่ทูลถาม มาถามท่านซึ่งเป็นเสมือนใบและกิ่งของไม้
พระภิกษุทั้งหลายกล่าวว่า ถึงอย่างนั้นก็จริง แต่ว่า ท่านพระอานนท์ได้รับคำสรรเสริญยกย่องจากพระพุทธองค์ และเพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย ว่าเป็นผู้สามารถจำแนกแจกอรรถแห่งธรรม ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยย่อไว้ให้พิสดารได้
ท่านพระอานนท์จึงได้จำแนกอรรถแห่งธรรมนั้นโดยพิสดารถวายพระภิกษุทั้งหลาย
คือท่านกล่าวว่า อริยมรรค ๘ ประการ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น คือสิ่งที่เป็นธรรม
ที่ตรงกันข้ามกับอริยมรรค ๘ คือสิ่งที่ไม่เป็นธรรม
ในตอนท้าย ท่านสั่งให้ภิกษุเหล่านั้นเข้าพบพระพุทธเจ้า และทูลถามอรรถธรรมนั้นอีก
พระภิกษุทั้งหลาย ชื่นชมธรรมภาษิตของท่านมาก ลุกจากอาสนะแล้วไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทูลเล่าความที่พระอานนท์ขยายพุทธพจน์โดยย่อถวายให้ทรงทราบ
พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญพระอานนท์ ณที่นั้นว่า เป็นบัณฑิตมีปัญญามาก ตรัสว่า
ถ้าภิกษุทั้งหลายมาทูลถามพระองค์ถึงอรรถนั้น พระองค์ก็จะทรงอธิบายอย่างที่พระอานนท์อธิบายนั่นแหละ
ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-anon-02.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น