ต้นไมยราบ ชื่อสามัญ sensitive plant, sleeping grass, shameplant
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mimosa pudica L.
วงศ์ย่อย Mimosaceae
วงศ์ : Fabaceae
ชื่ออื่น กระทืบยอด กะเสดโคก หญ้าปันยอด หญ้างับ
ไมยราบ เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี ทอดเลื้อยแผ่กิ่งก้านไปตามพื้น ชูยอดขึ้นข้างบน เป็นไม้พุ่มหรือไม้พุ่มรอเลื้อย
ต้น
ลำต้นและก้านใบสีแดง มีหนามสั้น ๆ ทั่วไป ที่ลำต้นและมีหนามใหญ่ตามข้อ
ใบ
ประกอบแบบขนนก แบบ 2 ชั้น มีใบย่อย 2 คู่ ขนาดเล็กมาก ไวต่อการสัมผัส หากได้รับแรงสะเทือน ใบและก้านใบจะตอบสนองโดยการหุบใบตัวลงอย่างรวดเร็ว พืชในตระกูลใกล้เคียงกันและมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันได้แก่ ผักกระเฉด
ดอก
ออกเป็นดอกช่อกระจุกแน่น ช่อดอกกลมฟู ออกที่ซอกใบกลีบดอกสีชมพู อมมาวง ก้านดอกยาว
ผล
เป็นฝักแบนโค้งเล็กน้อย ฝักยาวเรียว แบน มีขนเหนียวติดมือ เมล็ดสีน้ำตาลอ่อน ปลายมีหนามแหลม เมล็ดกลมแบน
ไมยราบถือว่าเป็นวัชพืช ขนืดหนึ่ง
พืชสกุลไมยราบมีอยู่ประมาณ 480 ชนิด มักมีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาใต้
ในไทย มีการการแพร่กระจายพบขึ้นทั่วไปมักพบตามสนามหญ้าและที่รกร้างทั่วไป ในสภาพดินชื้น แพร่กระจายในแหล่งปลูกพืชยืนต้นและที่รกร้างว่างเปล่า
ในไทยพบขึ้นเป็นวัชพืช 3 ชนิดคือ ไมยราบ, ไมยราบขาว และไมยราบต้น
สรรพคุณทางสมุนไพร
- ทั้งต้น รสชุ่ม เย็นจัด แก้ไข้ นอนไม่หลับ สงบประสาท เด็กเป็นตาลขโมย ตาบวมเจ็บ แผลฝี ผื่นคันและออกหัด
- ราก รสขมเล็กน้อย ฝาด สุขุม แก้ไอ ขับเสมหะ แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปวดข้อ กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง บำรุงกระเพาะอาหาร ระงับประสาท
-ใบ
ใช้ทาแก้ผื่นคันและหัด ใบสดตำผสมกับเกลือและพิมเสน ใช้พอกแผลพุพอง
ไมยราบ แก้เบาหวาน
ไมยราบ แก้เบาหวาน
ไมยราบ เป็นไม้สมุนไพรชนิดหนึ่งที่นำไปเข้ากับต้นครอบจักรวาล แล้วใช้เป็นยาแก้เบาหวานได้ โดยเอาต้นไมยราบ ทั้งต้นรวมรากแบบสดกับต้นครอบจักรวาลสดเช่นเดียวกัน จำนวนเท่ากัน หั่นเป็นชิ้นตากแห้งนำไปคั่วไฟอ่อน ๆ จนเหลือ ชงกับน้ำร้อนดื่มทุกวัน ช่วยลดน้ำตาลในเลือดหรือเบาหวานได้ สามารถดื่มได้เรื่อย ๆ ไม่มีอันตรายอะไร
มีสรรพคุณทางยาคือ
ทั้งต้น ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ แก้กษัย (อาการป่วยเกิดจากหลายสาเหตุ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม ซูบผอม โลหิตจาง และปวดเมื่อย) โดยต้มน้ำดื่ม
ทั้งต้นต้มน้ำดื่มขับปัสสาวะ สารสกัดทั้งต้นด้วยแอลกอฮอล์ สามารถลดน้ำตาลในเลือดของสัตว์ทดลอง สารบริสุทธิ์สกัดจากต้นไมยราบ ทำเป็นโทนเนอร์ เช็ดหน้าหลังอาบน้ำ ฆ่าเชื้อที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวได้ และยังช่วยทำให้ใบหน้าสะอาดด้วย
ราก แก้บิด ขับปัสสาวะ ทั้งต้นผสมรากสะเดาดินและไมยราบเครือ (อีกชนิดหนึ่งคล้ายคลึงกันมาก)
ความรู้เรื่องเบาหวาน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เบาหวาน เป็นความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ อันส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกิน โรคนี้มีความรุนแรงสืบเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้อย่างเหมาะสม โดยปกติน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอินซูลิน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ในระยะยาวจะมีผลในการทำลายหลอดเลือด ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
ชนิดและสาเหตุ
เบาหวาน สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
-โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายทำลายเซลล์ที่สร้างอินซูลินในตับอ่อน ทำให้ร่างกายหยุดการสร้างอินซูลิน ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลิน เพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดระยะยาว
-โรคเบาหวานชนิดที่ 2 สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบชัดเจน แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์กับภาวะน้ำหนักตัวมาก การขาดการออกกำลังกาย และวัยที่เพิ่มขึ้น เซลล์ของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ยังคงมีการสร้างอินซูลิน แต่ทำงานไม่เป็นปกติเนื่องจากมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เซลล์ที่สร้างอินซูลินค่อยๆถูกทำลายไป บางคนเริ่มมีภาวะแทรกซ้อนโดยไม่รู้ตัว และต้องการยาในการรับประทาน และบางรายต้องใช้อินซูลินชนิดฉีด เพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือด
อาการ
ถ้าหากพบอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์
-ปัสสาวะมากขึ้นและบ่อยครั้งขึ้น
-ปัสสาวะกลางคืนบ่อยขึ้น (ระหว่างช่วงเวลาที่เข้านอนแล้วจนถึงเวลาตื่นนอน)
-หิวน้ำบ่อยและดื่มน้ำในปริมาณที่มาก ๆ
-เหนื่อยง่ายไม่มีเรี่ยวแรง
-น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะถ้าหากน้ำหนักเคยมากมาก่อน
-ติดเชื้อบ่อยกว่าปกติ เช่น ติดเชื้อทางผิวหนังและกระเพาะอาหาร
-สายตาพร่ามองเห็นไม่ชัดเจน
-เป็นแผลหายช้า
โดย เบาหวานชนิดที่ 2 อาจจะมีอาการเหล่านี้บางอย่าง หรืออาจไม่มีอาการเหล่านี้เลย
ในปี 2550 พบผู้ป่วยเบาหวานแล้วถึง 246 ล้านคน โดยผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลก 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชีย
อาการแทรกซ้อน
-ภาวะแทรกซ้อนทางสายตา (Diabetic retinopathy)
เกิดจากการที่น้ำตาลเข้าไปใน endothelium ของ หลอดเลือดเล็กๆ ในลูกตา ทำให้หลอดเลือดเหล่านี้มีการสร้างไกลโคโปรตีนซึ่งจะถูกขนย้ายออกมาเป็น Basement membrane มากขึ้น ทำให้ Basement membrane หนา แต่เปราะ หลอดเลือดเหล่านี้จะฉีกขาดได้ง่าย เลือดและสารบางอย่างที่อยู่ในเลือดจะรั่วออกมา และมีส่วนทำให้ Macula บวม ซึ่งจะทำให้เกิด Blurred vision หลอดเลือดที่ฉีกขาดจะสร้างแขนงของหลอดเลือดใหม่ออกมามากมายจนบดบังแสงที่มาตกกระทบยัง Retina ทำให้การมองเห็นของผู้ป่วยแย่ลง
-ภาวะแทรกซ้อนทางไต (Diabetic nephropathy)
พยาธิสภาพของหลอดเลือดเล็กๆ ที่ Glomeruli จะทำให้ Nephron ยอมให้ albumin รั่วออกไปกับ filtrate ได้ Proximal tubule จึงต้องรับภาระในการดูดกลับสารมากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นนานๆ ก็จะทำให้เกิด Renal failure ได้ ซึ่งผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตภายใน 2- 3 ปี นับเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้าย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
-ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท (Diabetic neuropathy)
หากหลอดเลือดเล็กๆ ที่มาเลี้ยงเส้นประสาทบริเวณปลายมือปลายเท้าเกิดพยาธิสภาพ ก็จะทำให้เส้นประสาทนั้นไม่สามารถนำความรู้สึกต่อไปได้ เมื่อผู้ป่วยมีแผล ผู้ป่วยก็จะไม่รู้ตัว และไม่ดูแลแผลดังกล่าว ประกอบกับเลือดผู้ป่วยมีน้ำตาลสูง จึงเป็นอาหารอย่างดีให้กับเหล่าเชื้อโรค และแล้วแผลก็จะเน่า และนำไปสู่ Amputation ในที่สุด
-โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary vascular disease)
-โรคหลอดเลือดสมอง (Cerebrovascular disease)
-โรคของหลอดเลือดส่วนปลาย (Peripheral vascular disease)
-แผลเรื้อรังจากเบาหวาน (Diabetic ulcer)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://maiyarab.blogspot.com
มีข้อมูลของไมยราบ อีกข้อมูลที่ขอคัดลอกตามต้นฉบับเดิม ดังนี้
ไมยราบ
ไมยราบเป็นไม้ล้มลุกสรรพคุณเป็นพืชสมุนไพร ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ไมยราบหรือหญ้าปันยอดมักมองกันว่าเป็นวัชพืชไร้ค่า แต่รู้ไหมว่าเป็นพืชที่มีสรรพคุณ ไมยราบเป็นไม้ล้มลุก ไม้พุ่มหรือไม้พุ่มรอเลื้อย มีหนามตามลำต้นและข้อ ใบมีลักษณะแบบขนนก 2 ชั้น มีปฏิกิริยาไวต่อการสัมผัส ใบจะหุบลู่ลง
พืชสกุลไมยราบมีอยู่ประมาณ 480 ชนิด มักมีถิ่นกำเนิด อยู่ในอเมริกาใต้ ในประเทศไทยพบขึ้นเป็นวัชพืช 3 ชนิดคือ ไมยราบ ไมยราบขาว และไมยราบต้น นับว่าเป็นพืชสมุนไพร
มีสรรพคุณ ทั้งต้นมีรสชุ่ม เย็นจัด แก้ไข นอนไม่หลับ สงบประสาท แก้เด็กเป็นตาลขโมย ตาบวมเจ็บ แผลฝี ผื่นคันและออกหัด รากรสขมเล็กน้อย ฝาด สุขขุม แก้ไอ ขับเสมหะ แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปวดตามข้อ กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง บำรุงกระเพาะอาหาร ระงับประสาท
ดอก ออกเป็นดอกช่อกระจุกแน่น ออกที่ซอกใบกลีบดอกสีชมพู ผลเป็นฝักข้อสั้นๆอยู่รวมกันกับช่อ ผลแก่สีน้ำตาล ประโยชน์แม้จะเป็นพืชที่มีการแพร่กระจายพันธุ์อย่างรวดเร็วและกำจัดค่อนข้างยาก ซึ่งก่อให้เกิดปัญหา แต่ยังมีประโยชน์ทางสมุนไพร ทุกส่วนนำมาหั่นแล้วคั่วโดยใช้ไฟอ่อนๆกลิ่นหอม แล้วนำไปชงน้ำร้อนดื่มแทนชาช่วยลดคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดได้
ราก แก้ไอ ขับเสมหะ แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง แก้ระบบการย่อยอาหารของเด็กได้ดี บำรุงกระเพาะอาหารทำให้ตาสว่าง ระงับประสาท แก้บิด ขับปัสสาวะ รักษาโรคปวดเวลามีประจำเดือน ถ้าไข้สูงมากๆจะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน แก้ริดสีดวงทวาร รสขมเล็กน้อย ฝาด ปวดข้อ กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง ต้น ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ แก้ทางเดินปัสสาวะ อักเสบขับระดูขาว ขับโลหิต ใบ แก้โรคเริม งูสวัด โรคพุพอง ไฟลามทุ่ง
พืชไมยราบ มีต้นสีน้ำตาลแดง ชอบแผ่ไปตามพื้นและชูยอดขึ้น ต้นมีหนามขนาดสั้น ใบประกอบคล้ายผักกระเฉด ดอกเป็นช่อกลมสีชมพู ก้านดอกยาว ไมยราบ เมื่อใดก็ตามที่เอานิ้วหรือกิ่งไม้ไปสัมผัส ใบแลก้านจะตอบสนองโดยการหุบตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ไมยราบเป็นสมุนไพร ที่รู้จักดีของหมอยาพื้นบ้าน และมักนิยมนำมาใช้ เกี่ยวกับสรรพคุณเด่น คือ การขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก่บวม ไส้เลื่อน วิธีการใช้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพียงแต่นำไมยราบทั้ง 5 มาต้มกิน (ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล) สรรพคุณที่หมอพื้นบ้านมาใช้อย่างแพร่หลายอีกคือ แก้ปวดหลังปวดเอว ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว แก้ไตพิการ โดยนิยมใช้ไมยราบทั้ง 5 มาต้มกินและถ้าเจาะลึกในตำรายาบำรุงสุขภาพ จะนิยมผสมใบหม่อน ใบเตยหอม ดอกคำฝอย และทองพันชั่ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.gotoknow.org/blogs/posts/478605
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น