วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นครกุสินารา ๖ พระเจ้าจักรพรรดิมหาสุทัสสนะ ๓




ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.web-pra.com/Shop/panor304/Show/695731


ท้าวสักกะสร้างธรรมปราสาทถวาย

ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพ ประสงค์จะสร้างปราสาทถวายพระเจ้ามหาสุทัสสนะ จึงเรียกวิศวกรรมเทพบุตรมา รับสั่งให้สร้างพระราชวังชื่อว่า ธรรมปราสาท เพื่อถวายแด่ท้าวเธอ

วิศวกรรมเทพบุตรจึงได้ไปจัดการตามนั้น โดยการสร้างปราสาทยาวไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยาว ๑ โยชน์ และกว้างไปทางทิศเหนือและทิศใต้กึ่งโยชน์ ธรรมปราสาทสวยสดงดงามตระการตาด้วยวัสดุที่มีค่ายิางนัก เช่นอิฐ มี ๔ ชนิด คือ ทอง เงิน ไพฑูรย์ และแก้วผลึก มีเสาถึง ๘๔,๐๐๐ ต้น แบ่งเป๋็น ๔ ชนิด คือเสาทอง เสาเงิน เสาไพฑูรย์ และเสาแก้วผลึก ตามลำดับกระดาน ๔ สี่ คือ ทอง เงิน ไพฑูรย์ และแก้วผลึก เหล่านี้เป็นต้น


ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.web-pra.com/Shop/panor304/Show/695731

พระเจ้ามหาสุทัสสนะสวรรรคต

พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ทรางพระราชดำริว่า เพราะผลของกรรมหรือวิบากของกรรมอะไร จึงทำให้มีฤทธิ์ มีอานุภาพใหญ่อย่างนี้ แล้วก็ได้รู้ว่าเป็นเพราะผลกรรม ๓ อย่างคือ

ทาน การให้
ทมะ การฝึกจิต
และสัญญมะ การสำรวมจิต
แล้วท้าวเธอก็เสด็จเข้าเรือนยอดหลังใหม่ เปล่งพระอุทานว่า หยุดกามวิตก หยุดพยาบาทวิตก และหยุดวิหิงสาวิตก (ความเบียดเบียน)
ดังนี้แล้ว ได้สมถกรรมฐาน จนได้บรรลุจตุตถฌาน
เมื่อเสด็จออกจากเรือนแล้ว ทรงมีจิตอันสหรคตด้วย เมตตา กรุฯา มุฑิตา และอุเบกขา เป็นอัปปมัญญาทั่วไปตลอดทิศทั้ง ๔
ครั้นแล้วก็รับสั่งให้ราชบุรุษยกบัลลังก์ทองไปตั้งไว้ที่ราชอุทยาน จากนั้นท้าวเธอทรงสำเร็จสีหไสยาสน์และเสด็จสวรรคตโดยสงบ ทรงอุบัติในพรหมโลก เพราะบำเพ็ญพรหมวิหารธรรม กระทั่งดับจิต



ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=147038

สังเวคกถา
พระผูมีพระภาคเจ้าได้ตรัสสรุปเรื่องว่า

"ดูกร อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะสมัยนั้นคือ เรา (ตถาคต) ในกาลนี้นั่นเอง สมัยเมื่อเราเป็นพระเจ้ามหาสุทัสสนะ เรามีนครในปกครอง ๘๔,๐๐๐ แห่ง นั้น มีกรุงกุสาวดีเป็นราชธานี แต่ถึงกระนั้นเราก็อยู่อาศัยเพียงนครเดียวเท่านั้น เช่นเดียวกันนี้ เรามีปราสาท เรือนยอดบัลลังก์ ช่้าง ม้า รถ แก้ว สตรี คหบดี ปริณายก โคนม ผ้า ถาดพระกระยาหารอย่างละ ๘๔,๐๐๐ ทุกอย่างเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของเลิศ แต่เราก็ได้ใช้เพียงคราวละครั้งเท่านั้น ดูเถิด อานนท์ สังขารเหล่านั้นล่วงไป ดับแล้ว แปรปรวน แล้ว สังขารไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าวางใจอย่างนี้

ฉะนั้น จึงควรเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง ควรเพื่อจะคลายกำหนัด ควรเพื่อจะพ้นไปเสีย


ดูกรอานนท์ เราย่อมรู้ที่ทอดทิ้งร่างกาย เราทอดทิ้งร่างกายไว้ในประเทศนี้. การที่เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ชนะแล้ว มีอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ การทอดทิ้งร่างกายไว้นี้นับเป็นครั้งที่เจ็ด

ดูกรอานนท์ เราไม่เล็งเห็นประเทศนั้นๆในโลก ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ ทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ที่ตถาคตจะทอดทิ้งสรีระไว้เป็นครั้งที่แปด ดังนี้.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี (ว.ป.วีรยุทฺโธ)




ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.atlanteanconspiracy.com/2012/08/the-immaterial-physical-world.html

มีความละเอียดอยู่ในมหาสุทัสสนสูตร หรือติดตามอ่านได้ที่
http://www.84000.org/tipitaka/read100/read100163_02.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น