วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

นิทานดอกไม้...เจ้าชายนักปลูกดอกไม้...




นิทานดอกไม้...เจ้าชายนักปลูกดอกไม้

...นานแสนนานมาแล้ว ณ ดินแดนกลางผืนน้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรแห่งหนึ่งนามว่า ‘อาณาจักรนอร์มอล์’ ยังมีเจ้าชายองค์น้อยพระองค์หนึ่งทรงเป็นเจ้าชายที่อ่อนโยนและรักการปลูกดอกไม้มาก ทุกวัน เจ้าชายจะตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อไปทักทายหมู่ผีเสื้อและดูแลสวนดอกไม้ที่พระองค์ทรงปลูกเอาไว้ เจ้าชายเชื่อว่าความงามของดอกไม้มีพลังที่สามารถสร้างความสุขให้เกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงปลูกดอกไม้ชนิดต่าง ๆ จนเต็มสวนไปหมด

อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าชายทรงคิดอยากมอบความสุขให้แก่ประชาชนของพระองค์ เจ้าชายจึงแอบออกจากวังเพื่อไปหาที่เหมาะ ๆ ในการปลูกดอกไม้ แต่อนิจจา!...เมื่อเจ้าชายเหยียบย่างเข้าไปในเมือง เจ้าชายกลับพบภาพที่พระองค์ไม่เคยเห็นมาเลยตลอดชั่วชีวิต เจ้าชายทรงเห็นเด็ก ๆ ร้องไห้ด้วยความหิวโหย พระองค์ทรงพบผู้คนที่เอาเปรียบกัน เจ้าชายทรงเจอฝูงชนที่ทำร้ายกันจนเลือดตกยางออก ซ้ำร้าย...พระองค์ยังเห็นสิ่งที่น่าสะเทือนใจที่สุด นั่นก็คือภาพของผู้คนที่เฝ้ามองเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยไม่สนใจไยดีเลยแม้สักนิด!




เจ้าชายทรงรู้สึกหดหู่ใจมากต่อสิ่งที่ได้พบ พระองค์จึงรีบนำเรื่องไปหารือกับพระบิดาและเหล่าเสนาบดีผู้รอบรู้ เมื่อพระราชาและเหล่าเสนาบดีได้ฟังเรื่องที่เจ้าชายนำมาปรึกษา ทุกคนจึงชี้แจงให้เจ้าชายทราบว่า ความยากจน การเอารัดเอาเปรียบ และการทะเลาะเบาะแว้งเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่งในโลก ผู้คนต่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้ และไม่มีใครสามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเรื่องธรรมดาเหล่านี้ให้เป็นอื่นไปได้!

คำตอบที่เจ้าชายได้ฟังทำให้พระองค์ผิดหวังมาก เพราะแม้ว่า สิ่งที่เจ้าชายได้พบจะเป็นเรื่องจริง แต่มันก็เป็นความจริงที่โหดร้าย เกินกว่าที่ผู้คนพึงจะยอมรับ ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าชายจึงตัดสินใจทำเรื่องไม่ธรรมดาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนกล้าทำในสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้! เจ้าชายเริ่มแผนของพระองค์โดยการขอร้องให้เหล่าผีเสื้อในสวนดอกไม้ช่วยพาพระองค์ไปยังก้อนเมฆที่อยู่บนฟ้า

ทันทีที่ผีเสื้อได้ฟังคำขอร้องของเจ้าชาย เหล่าผีเสื้อนับพัน ๆ ตัวก็พากันบินมาเกาะตามตัวของพระองค์ แล้วช่วยกันกระพือปีกจนเจ้าชายค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้น เมื่อเหล่าผีเสื้อพาเจ้าชายไปถึงก้อนเมฆ พวกมันก็ช่วยกันบินประคองให้เจ้าชายลอยนิ่งอยู่กับที่ เจ้าชายทรงมองเมฆซึ่งชุ่มชื้นไปด้วยละอองน้ำอย่างมีความหวัง จากนั้น พระองค์ก็ทรงโปรยเมล็ดของดอกไม้จนทั่วไปทั้งผืนเมฆ

...เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าชายทรงพบว่าการโปรยเมล็ดอย่างไม่เอาใจใส่ทำให้ต้นอ่อนของดอกไม้ไม่ยอมงอกออกมาทักทายพระองค์เลยแม้สักต้น เจ้าชายจึงขอให้หมู่ผีเสื้อพาพระองค์ลงไปยืนบนปุยเมฆที่ทั้งนุ่มและทรงตัวได้ยาก แล้วพระองค์ก็ลงมือปลูกดอกไม้อีกครั้ง โดยคราวนี้เจ้าชาย ทรงพรวนเมฆจนร่วนซุย ก่อนที่จะบรรจงปลูกดอกไม้ด้วยความตั้งอกตั้งใจทีละเมล็ด หลายคืนต่อมา เมล็ดพืชที่ถูกปลูกด้วยความเอาใจใส่ก็ค่อย ๆ ขยับตัว กระดุ๊กกระดิ๊กและต้นอ่อนก็เริ่มงอกขึ้นมาจากเมล็ดเหล่านั้นอย่างช้า ๆ

แต่น่าเสียดายเหลือเกิน เมื่อต้นอ่อนของดอกไม้ที่แสนบอบบางสัมผัสเข้ากับแสงแดดที่จัดจ้า พวกมันก็พานอ่อนแรงลงและเหี่ยวเฉาตายไปจนหมดสิ้น แม้ความพยายามของเจ้าชายจะล้มเหลวอีกเป็นครั้งที่สอง แต่พระองค์ก็ยังไม่ยอมแพ้ เจ้าชายทรงเลือกเมล็ดพืชชนิดใหม่ที่ทนแสงได้ดีกว่าเดิม จากนั้น พระองค์ก็ทรงลงมือพรวนเมฆ แล้วนำเมล็ดพืชที่คัดสรรลงปลูกในแปลงด้วยความรักความเอาใจใส่


.
>

เพียงไม่กี่วัน ต้นอ่อนของดอกไม้ก็งอกขึ้นมาจากปุยเมฆ เจ้าชายทรงดีใจมาก แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาท ตลอดทั้งวัน...พระองค์จึงทรงใช้ตัวเองยืนบังแสงแดดให้ต้นอ่อนของดอกไม้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเฉาตายเพราะแสงอาทิตย์ ซึ่งเมื่อเจ้าชายทุ่มเทดูแลต้นอ่อนของดอกไม้อย่างเต็มที่ ในที่สุด ดอกไม้แสนสวยก็เติบโตและปกคลุมผืนเมฆจนทั่วไปหมด เมื่อก้อนเมฆเต็มไปด้วยดอกไม้ มันจึงลอยต่ำลงและส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วทั้งอาณาจักร ชาวเมืองต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นสวนดอกไม้ลอยอยู่เหนืออาณาจักรของพวกเขา แต่เมื่อเมฆลอยต่ำลงมาอีก พวกเขาก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้น เพราะผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆก็คือเจ้าชายองค์น้อยของพวกเขานั่นเอง

ทันทีที่พระราชาและเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ได้เห็นเรื่องเกินฝันที่เจ้าชายทรงกระทำ ทุกคนก็เกิดแรงบันดาลใจอยากทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริงขึ้นมาบ้าง ฝ่ายผู้คนในอาณาจักรที่เคยชาชินกับเรื่องธรรมดาอันเลวร้าย มาบัดนี้...พวกเขาก็เกิดความกล้าที่จะแก้ไขสิ่งเหล่านั้นเพื่อทำให้ชีวิตของพวกเขาดีงามและมีความสุขมากยิ่งขึ้น เมื่อทุก ๆ คนร่วมมือร่วมใจกัน ท้ายที่สุด พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องธรรมดาอันเลวร้ายให้กลายเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ดีงามได้เป็นผลสำเร็จ

เจ้าชายองค์น้อยทรงดีใจมากที่ความพยายามปลูกดอกไม้บนก้อนเมฆของพระองค์ ช่วยทำให้อาณาจักรนอร์มอล์ที่พระองค์รักแสนรักกลายเป็นอาณาจักรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ส่วนพระราชา เหล่าเสนาบดี และประชาชน ทุกคน ต่างก็รู้สึกชื่นชมเจ้าชายองค์น้อยที่นอกจากพระองค์จะปลูกดอกไม้บนก้อนเมฆได้อย่างน่าอัศจรรย์แล้ว พระองค์ยังได้ปลูกดอกไม้ที่แสนวิเศษในหัวใจของพวกเขาอีกด้วย...


ที่มา : นิตยสารขวัญเรือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น