วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

เดียวดาย..สายตระกูล...ต้นจาก

เดียวดาย..สายตระกูล


เป็นเรื่องราวของ พืชสกุลหนึ่งที่มีประดับคู่โลกามากว่า 70 ล้านปี ต้องขอใช้คำว่าเก่าแก่เกินจะกล่าว แถมเรื่องราวความเป็นมายังน่าอัศจรรย์ใจ



เดียวดาย..ริมชายฝั้งน้ำ

โดยปกติพืชสกุลนี้จะขึ้นเป็นแถวยาวแต่ภาพนี้ มองแล้วรู้สึกว้าเหว่แทนต้นไม้กอนี้... สื่อความเดียวดายอย่างแท้จริง

เดีวดายสายตระกูล

พรรณไม้สกุลหนึ่งเดียวในโลกนี้ พบว่าเคยมีพื้นเพอยู่ใกล้อาณาจักรของมหานครอันยิ่งใหญ่กรุงลอนดอนมาแต่ครั้งโบราณกาล ปัจจุบันมีนิวาสสถานอยู่ในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแน่นอนว่าในประเทศไทย มีความใกล้ชิดกับชีวิตของพลอยโพยมในวัยเด็กมาก ชื่อเรียกหาสั้นๆง่ายๆว่า จาก



ภาพชาวบางกรูดพายเรือสำปั้นข้ามฝั่งแม่น้ำมีแนวป่าจากริมฝั่งภาพไม่ชัดเพราะไม่มีแสงช่วยและถ่ายระยะไกล

ต้นคลักมะกักกก
เถามันนกขึ้นปกพัน
โรดแดงแฝงโมกมัน (แก้ไขตามต้นฉบับ 26พ.ค.59)
กอจากบั้นต้นกรักขี
กอไผ่ฤาษีสุข
ล้วนกอบุกดื่นพงพี
พรรณพฤกษา ของพระยาศรีสุนทรโวหาร น้อย อาจารยางกูร




มะลิวันพันระกำขึ้นแกมจาก
ได้สามวันกรรมพรากไปจากห้อง
จำปีเคียงโศกระย้าผกากรอง
พี่โศกเศร้าเฝ้าตรองกว่าสองปี
พระราชนิพนธ์ขุนช้างขุนแผน
รัชกาลที่๒



จาก (Nypa)

ต้นจาก (Mangrove Palm) เป็นต้นไม้ประเภทปาล์ม (palm)
ชนิดหนึ่ง โดยอยู่ในวงศ์ปาล์ม (Palmae หรือ Arecaceae)
โดยจัดอยู่ในวงศ์ย่อย Subfamily Nypoideae ซึ่งวงศ์ย่อยนี้ก็มีอยู่เพียงสกุลเดียว
ชื่อพฤกษศาสตร์ของต้นจากคือ Nypa fruitcans

โดยคำว่า Nypa นี้มาจากคำในภาษามาเลย์คือคำว่า Nipah

ในธรรมชาติ ต้นจากพบขึ้นอยู่ตามริมลำน้ำจืดและกร่อย ที่มีน้ำเค็มขึ้นถึงและตามที่ดินตะกอน ที่ลุ่มริมฝั่งและป่าชายเลน โดยเฉพาะบริเวณใกล้ปากแม่น้ำสายต่างๆ

จากพบได้ทั่วไปในเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักจะขึ้นเป็นดงขนาดใหญ่ เรียกว่า ป่าจาก หรือดงจาก

โดยพบตั้งแต่ประเทศศรีลังกา ชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศอินเดีย,
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ฟิลิปปินส์ , หมู่เกาะโซโลมอน ,ตอนเหนือของ
ออสเตรเลีย , และหมู่เกาะริวกิว (หรือโอกินาวา)ของประเทศญี่ปุ่น



(Nypa) เป็นปาล์มเพียงชนิดเดียวที่เป็นพืชในป่าชายเลน และมีลำต้นอยู่ใต้ดิน นับเป็นพืชเก่าแก่มากชนิดหนึ่ง ที่มีซากดึกดำบรรพ์อายุถึง 70 ล้านปี

ต้นจาก เป็นที่น่าสังเกตว่าจังหวัดชายทะเลบางแห่งก็ไม่มีต้นจากเกิดขึ้นเลย ต้นจากคงเป็นต้นไม้ที่ชอบน้ำกร่อยหรือน้ำที่มีลักษณะ กึ่งจืด กึ่งเค็ม จะไม่พบต้นจากอยู่ชายทะเลหรือบริเวณน้ำจืด แต่จะพบบริเวณที่มีน้ำทะเลขึ้นถึงและมีน้ำจืดไหลผ่านเท่านั้น

ต้นจากนี้มีลักษณะที่แตกต่างจากพืชวงศ์ปาล์มอื่นๆ หลายอย่าง เช่นลักษณะของช่อดอกและลำต้น จนต้องจัดอยู่ในวงศ์ย่อยของตัวเองแยกต่างหาก

ต้นจาก มีลำต้นอยู่ใต้ดินเป็นกลุ่มกอ เรียกว่า “หินจาก” มีใบแทงขึ้นมาเป็นกอ ใบเป็นใบประกอบขนาดใหญ่ มีใบย่อยเรียงคล้ายขนนก
ส่วนที่เราเห็นของจากนั้น คือส่วนใบและช่อดอกเท่านั้น โดยที่โคนใบมีกะเปาะอากาศ ช่วยพยุงให้ใบชูขึ้นเหมือนชูชีพ แต่แม้ว่าลำต้นของจากจะอยู่ใต้ดิน แต่ใบที่โผล่ขึ้นมานั้น อาจชูขึ้นไปสูงได้ถึง 9 เมตร โดยไม่มีส่วนของลำต้นให้เห็นเลย

ดอกแต่ละดอกเป็นดอกเพศเดียว แต่ในช่อดอกหนึ่งนั้นจะมีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมียเมีย ดอกเป็นลักษณะช่อ กลม ดอกตัวเมียที่ปลายดอกตัวผู้อยู่ตรงโคนช่อดอก
ดอกมีสีเหลืองแสด ช่อดอกหรือเรียกว่า “นกจาก” เป็นงวงแทงออกมาระหว่างกาบใบที่อยู่ใต้ดิน หรือเรียกว่า “พอนจาก”

ส่วนผลนั้นมีเปลือกแข็ง เปลือก สีน้ำตาลเข้มเบียดรวมกันเป็นกระจุก เรียก ทะลาย หรือ “โหม่งจาก
ข้างในมีเนื้อเมล็ดสีขาว มีปริมาณเนื้อไม่มากนัก



การเย็บตับจากภายใต้หลังคามุงจาก


จาก สามารถแพร่พันธุ์ไปได้ไกลๆ
เมื่อสุกเต็มที่ก็จะรากงอกตั้งแต่ผลยังติดอยู่กับทะลายและจะแยกจากกลุ่มหลุดร่วงจากทะลายลอยตามน้ำไปติดตามตลิ่งหรือหาดเลน
บางครั้งก็แตกหน่อขณะยังลอยน้ำเติบโตเป็นต้นใหม่ได้
ส่วนต้นจากเองก็สามารถขยายพันธุ์โดยการแตกหน่อจากกอหนึ่งเป็นอีกกอหนึ่ง
ลำต้นของต้นจากนั้นอยู่ใต้ดิน โดยจะแตกหน่อใหม่ออกไปเรื่อยๆในลักษณะทวีคูณ ( Dichotomous ) คือจากหนึ่งก็จะแตกออกเป็นสองต้น จากนั้นก็จะกลายเป็นสี่ , แปด ,สิบหก ,สามสิบสอง ไปเรื่อยๆตามลำดับ

ต้นจากจะออกลูกเมื่ออายุประมาณ 4-5 ปี และสามารถปาดงวง หรือเรียกว่า “ปาดตาล” เพื่อนำน้ำหวานมาทำเป็นน้ำตาลจาก ซึ่งให้ผลผลิตได้ดีเมื่ออายุประมาณ 6-7 ปี

หลักฐานทางฟอสซิลแสดงให้เห็นว่า ต้นจากนี้ถือกำเนิดขึ้นหลายล้านปีมาแล้ว และคาดว่าจะเป็นหนึ่งในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวชนิดแรกๆที่วิวัฒนาการขึ้นมา เนื่องจากมีการพบฟอสซิลของละอองเกสรของดอกจาก ในตะกอนดินยุคอีโอซีน (Eocene) (ประมาณ 60 ล้านปี)จากบริเวณใกล้ๆกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (ซึ่งเป็นหลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าในอดีตภูมิอากาศของโลกนั้นแตกต่างไปจากปัจจุบัน เนื่องจากในปัจจุบันนี้ต้นจากจะพบเฉพาะในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น)


การเย็บตับจาก

ป่าจากสมัย ร.5 คัมภีร์จากแผ่นดิน บาราย

หนังสือ วชิรญาณพิเศษ ร.ศ.109-110 (พ.ศ. 2433-2434)
ตีพิมพ์อาชีพของชาวสยาม 25 อาชีพ กรมศิลปากรพิมพ์เผยแพร่ใหม่ เมื่อ พ.ศ.2551

ทุกอาชีพ ตัวอย่างการตีผึ้ง กางเคย (ทำกะปิ) ถึงวันนี้ ยังมีคนทำอยู่ เพียงแต่กระบวนการขั้นตอนอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

อาชีพหนึ่ง คือการทำป่าจาก...ผู้เขียนซึ่งเป็นกรรมการหอพระสมุดไม่ระบุชื่อ เขียนไว้ว่า

เมืองที่มีป่าจากมากกว่าเมืองชายทะเลด้วยกัน เขาเห็นว่า ปากน้ำบางปะกง ตลอดขึ้นไปจนถึงเมืองฉะเชิงเทรา

คนโบราณถือกันว่า คนที่จะมีอาชีพทำป่าจากนั้น ต้องอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป
ถ้าอายุไม่ถึง 30 ปี ถือกันว่าอายุจะสั้น หรืออัปรีย์จัญไร

หลังการปลูกจากแล้ว รอเวลาอีกประมาณ 3 ปี ก็ตัดได้
ถ้าที่ดินไม่ดี เวลาก็อาจจะถึง 4-5 ปี


คล้า (สีเขียว) ใช้ผ่าเป็นเส้นใช้เย็บจากหรือสานเสื่อก็ได้
ตับจาก(สีน้ำตาล ได้จากการผ่าทางจากแล้วตากแดด)ใช้เป็นแกนยึดในการเย็บตับจาก

นอกจากกำหนดอายุคนทำป่าจากแล้ว ยังกำหนดด้วยว่าเวลาเริ่มตัดจากควรเป็นเดือน 4
ถ้ามีต้นจากมาก ก็ต้องจ้างเขาตัด ราคาค่าจ้างสมัยนั้น 5 มัดต่อเฟื้อง ถ้ามีจากน้อย
ส่วนใหญ่เจ้าของป่าและคนในครอบครัวก็จะลงมือช่วยกันตัดจากเอง

เครื่องมือตัดจากไม่มีอะไรมาก ใช้มีดแบบที่เรียกว่าพร้าจากเล่มเดียว

ถ้าป่ารกนักก็ต้องแผ้วถางวัชพืชอื่นๆให้เตียนเสียก่อน จึงจะตัดจากได้สะดวก
ตัดแล้วก็แบ่งใบจากออกเป็นสองกอง กองใบยาว เอาไว้เย็บกระแชงขาย
จากใบสั้นเอาไว้เย็บจากตับมุงหลังคาเรือน

ถ้าคนตัดเก่ง วันหนึ่งจะได้จากถึง 20 มัด ขายเป็นมัดราคา 8 มัด 1 บาท
จากมัดหนึ่ง 1,500 ใบ 8 มัด 12,000 ใบ ใบจากจำนวนนี้
ถ้าเย็บเป็นจากสั้น (มุงหลังคาบ้าน) ก็จะได้ไม่ต่ำกว่า 400 ตับ

ถ้าไม่มีใครซื้อ เจ้าของจากมักจะเย็บขายเอง เป็นกระแชงบ้าง เป็นตับบ้าง

วิธีเย็บกระแชง ต้องเอาใบซ้อนสองใบ ยาวสี่ศอก กว้างสองศอกคืบ เป็นกระแชงยาว

ประโยชน์ของกระแชงยาว สมัยนั้นมีไว้ปิดของ หรือบังแดดบังฝน
ราคาซื้อขาย 100 ผืน เป็นเงิน 6 บาท 16 อัฐ

กระแชงสั้น ใบจากยาว 2 ศอกคืบ กว้าง 2 ศอก ราคา 100 ผืนเป็นเงิน 2 บาท 8 อัฐ

จากตับ...ต้องผ่าเอาไม้ไผ่สีสุกหรือไม้ไผ่ป่า ทำเป็นไม้ตับ สำหรับเย็บจาก ยาว 2 ศอก
เป็นจากสั้น ยาว 3 ศอกคืบเป็นจากยาว จากนั้นขายเป็นราคา 1,000 ละ 4 บาท

แต่บางปีราคาจากแพง ก็ขายกันถึง 1,000 ละ 5 บาท คนหนึ่งเย็บจากสั้น
ได้วันหนึ่ง 150 ตับ ถึง 200 ตับ

ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่า จากยาวไม่ค่อยมีคนซื้อนัก เพราะส่วนใหญ่เจ้าของบ้าน
มักจะเย็บจากมุงเรือนของเขาเอง แต่ถ้ามีการว่าจ้าง
ก็จะเย็บขายกันในราคา 1,000 ละ 10-11 บาท

ผลผลิตของจากในป่าที่มีพื้นที่ 10 ไร่ จะขายได้ปีหนึ่ง เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 3 ชั่ง

ประมาณทั้งพระราชอาณาเขตที่มีการทำป่าจาก
รวมแล้วเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 6,000 ชั่ง มีคนรับเอาจากเมืองชายทะเล
มาขายในกรุงเทพฯ และหัวเมืองเหนือ

ผู้เขียนทิ้งท้ายว่า คนที่ทำป่าจาก และซื้อขายจาก เป็นคนบ้านนอกที่ขยันขันแข็ง
ส่วน ใหญ่ก็เลี้ยงตัวได้ จะมีส่วนน้อยที่เกียจคร้านเท่านั้น ที่เอาตัวไม่รอด
O บาราย O
จาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=prachaya555&month=11-10-2009&group=39&gblog=1



ผลของหวาย
ลำต้นของหวาย นำมาผ่าตากแห้งแล้วใช้เย็บจากได้เหมือนคล้า

ข้างต้นเป็นข้อมูลในสมัย รัชกาลที่๕
สำหรับลำน้ำบางปะกง ป่าจากมักจะเป็นแนวชายฝั่งให้กับฝั่งที่มีดินยื่นงอกลงไปในแม่น้ำ ในป่าจากจะมีพรรณไม้ชายเลนอื่นๆขึ้นแทรก เช่น แสม ลำพู อยู่ในชั้นนอกส่วนชั้นในจะมีตะบูนพังกาหัวสุ่ม (คลักหรือขลักหรือประสัก) ปอทะเล เหงือกปลาหมอ ลุ่ย รังกะแท้ และอื่นๆ

ส่วนแนวชายฝั่งที่เป็นฝั่งดินพัง เดิมก็จะมีพรรณไม้ชายเลนเช่นเดียวกันแต่ก็จะถูกน้ำกัดเซาะ พังทลายลงน้ำไปหมดพร้อมกับดินชายฝั่ง เมื่อเวลาผ่านไป จึงดูราวกับไม่มีพรรณไม้ชายฝั่ง เหมือนฝั่งตรงกันข้าม

เราเรียกชายฝั่งที่มีดินยื่นออกไป และฝั่งที่พังทลายนี้ว่า ฝั่งแหลมและฝั่งคุ้ง

ดังนั้นที่ดินที่มีป่าจากก็จะเนื้อที่ดินที่ยื่นออกมาในแม่น้ำ รวมทั้งการตัดจากมาเย็บตับจากเป็นรายได้ปีละ หนึ่งครั้ง ก็เป็นสิ่งดึงดูดใจที่คนมักจะเลือกซื้อที่ดินที่มีป่าจากเป็นของแถม บ้านที่มีป่าจากแต่ไม่ทำจาก ก็จะให้คนมาเหมาตัดจากคิดราคากันเป็นปีๆ คนที่มาเหมาตัดจากมักเป็นขาประจำกันต่อเนื่องกันยาวนาน ฤดูการตัดจากที่บางกรูดจะตัดในช่วงเดือนใกล้เคียงตามคำบอกเล่าของบารายในสมัยรัชกาลที่๕
จากเป็นพรรณไม้ชายเลนที่ใช้ประโยชน์ได้ในทุกๆส่วนเหมือน มะพร้าว ไผ่และกล้วย ทั้งยังมีคุณค่ากับระบบนิเวศวิทยาและชีวิตของชาวน้ำ รวมถึงชาวชนบททั่วๆไปเป็นอย่างยิ่ง



ขนมจาก

ประโยชน์ที่ได้จากต้นจาก อาทิเช่น
1. ใบของต้นจาก ใบจากนำมาเย็บเป็นจากตับ ใช้มุงหลังคาบ้าน กันแดด กันฝน
ทำกระแชงเรือได้ ใบจากเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดีดังนั้นคนก็เลยนำใบจากมาทำฝา
ซึ้งที่ใช้นึ่งอาหารต่างๆ เพราะใบจากทนความร้อน เปรียบเสมือนฉนวนกันความร้อน สามารถทำได้เองโดยไม่ต้องซื้อ หรือจะทำฝาชีครอบกับข้าวก็ได้
ใช้ห่อขนมจาก นำมาประดิษฐ์เป็นของเล่น ของใช้ เช่นมีคนหัวคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถนำมาสานเป็นกระเป๋าถือได้
2. ดอกจากอ่อนนี้นำไปต้มกินกับน้ำพริก ถ้าจะให้อร่อยข่มรสฝาดเล็กน้อยต้องราดกะทิ
ด้วยหรือนำไปแกงกะทิก็ได้



ข้าวต้มมัดใบจาก และใบตอง

3 ใบของยอดอ่อนที่เพิ่งแตกยอดนำมาใช้ห่อข้าวต้มมัด
ที่แก่ขึ้นมาอีกระดับแต่ยังเป็นลักษณะของใบอ่อนอยู่ คือยังอยู่ในช่วงยอดจากยังไม่เป็นใบตัดมาและแยกเป็นใบๆ ลิดแกนกลางของใบออกตากให้แห้งแล้วลอกใบนั้นนำมาทำมวนยาสูบใช้แทนบุหรี่
การตัดยอดจากมาใช้มวนยาสูบ ต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ในการเลือกระดับความอ่อนแก่ของยอดจาก ว่าแก่ในระดับใดจึงจะใช้ได้
4. ก้านใบ ที่เหลาจากใบ เรียกว่าก้านตอก ที่ยังสดอยู่ นำมาผูกข้าวต้มมัดใบจาก
ใช้แทนเชือกได้
ถ้านำไปตากให้แห้ง แล้วผ่าครึ่ง ชุบน้ำ นำมาผูกจากตับ มุงหลังคาผูกแทนเชือก ใช้ได้ประมาณ 3 - 5 ปี





ข้าวต้มมัดใบจาก

5. ลูกจาก ใช้เนื้อข้างใน นำมาทำเป็น ลูกจากลอยแก้ว, ใส่เนื้อลูกจากลงในขนม
จาก ,หรือนำมาเชื่อมเป็นลูกจากเชื่อม
6. ก้านของดอกจาก( วัยหนุ่มสาว ) นำมาทำเป็นแส้ใช้ปัดยุง และ แมลงวันได้ดี
7 . ก้านใบ หรือเรียกว่า ทางจาก นำมาทำไม้เย็บจากตับ ใช้แทนไม้ไผ่ได้ดีพอสมควร



ยอดจากที่ใช้ทำมวนบุหรี่ใบจาก

8. น้ำตาลจาก ทำจากจั่นของลูกจาก ได้รสชาติหวานปนเค็มเล็กน้อย ใช้นำมาทำ
น้ำตาลได้เหมือนกับน้ำตาลโตนด และสามารถนำไปเคี่ยวเพื่อทำน้ำผึ้งจาก หรือจะ
หมักเพื่อทำน้ำส้มจากก็ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้นำส้มจากก็เป็นที่นิยมของผู้ที่เลี้ยงกุ้งมาก
เพราะสามารถนำไปหมักผสมกับอาหารกุ้ง และช่วยให้นำในบ่อกุ้ง ไม่เน่าเสียอีกด้วย
น้ำส้มจากนั้นก็นำไปทำน้ำตาลเมาได้นอกจากนี้หากนำ น้ำตาลจากไปเคี่ยวหลังจาก
เคี่ยวได้น้ำผึ้งจากแล้วก็จะได้น้ำตาลปึก หรือเคี่ยวต่อเป็นตังเม ตังเมเป็นขนมที่เด็ก
สมัยก่อนชอบมากเพราะเมื่อก่อนไม่ได้มีขนมขบเคี้ยวมากเหมือนปัจจุบัน เวลาที่ทำ
ตังเม เด็กๆ จะเตรียมใบจากมารองตังเมไว้เพราะตังเมจะไม่ติดที่ใบจาก




ใบจากที่มีการลอกเยื่อออกและตัดเป็นชิ้นเพื่อมวนยาสูบ

9. ใบจากอ่อนยังสามารถทำหมาจากใช้วิดนำในเรือได้อีก และยังดีกว่าหมาวิดน้ำอื่นๆ
เพราะหมาจากนั้นไม่กินเนื้อไม้ ทำให้เนื้อไม้ไม่เสีย เรือไม่ทะลุ
(ที่บางกรูด มิได้ใช้หมาจากในการวิดน้ำในเรือ ส่วนใหญ่ใช้กะลามะพร้าว หรือ
กระป๋องพลาสติ๊ก ผ่าครึ่ง )

10. ก้านจากยังสามารถนำมาทำเสวียนหม้อและไม้กวาดได้อีก
(ที่บางกรูดใช้ไม้กวาดทางมะพร้าว ส่วนเสวียนหม้อทำจาก หวาย ไม้ไผ่เหลา
ทางมะพร้าวด้านที่แบนโดยใช้มีดปาดลอกออกมาเป็นเส้น)

11 . ปัจจุบันมีผู้นำเส้นใยในทางใบนำไปอัดทำ เป็นแผ่นกระดานแบบ
กระดาน ชานอ้อยและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ได้อีกด้วย
12. ต้นจากที่ที่หลบอาศัยพักพิงของปูจาก และสัตว์น้ำอื่นๆ ช่วยดำรงระบบ นิเวศของป่าชาย
เลน







หมาจาก
ภาพจากhttp://www.thammasatu.com/

หมายเหตุ 1..
หมาจาก
ทางภาคใต้ ชาวบ้านใช้ภาชนะชนิดหนึ่ง มีรูปร่างโค้งครึ่งวงกลมหรือเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู ทำจากใบไม้ ใช้ตักน้ำ คนใต้เรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า "หมาตักน้ำ"


ในการทำหมาตักน้ำนั้น ชาวบ้านทางใต้นิยมทำ" หมาจาก" มากกว่าชนิดอื่น ๆโดยใช้ยอดอ่อนของใบจากที่ใบยังรวมกันแน่นไม่แตกออกตัดออกมาเป็นใบ ๆ นำมาตากแดดพอหมาด ๆ แล้วนำใบดังกล่าวมาสอดเข้าด้วยกัน ด้วยการคลี่ใบออกข้างหนึ่ง แล้ววางสลับโคน-ปลายไปเรื่อยๆ เพื่อให้มีขนาดเท่าๆ กัน เมื่อได้ขนาดที่ต้องการแล้ว ก็รวบปลายทั้งสองข้างเข้าหากัน เพื่อผูกเป็นที่ถือ
คำว่า "หมา" นี้ บางทีก็เรียก ติหมา หรือ หรือ ตีหมา
ผู้รู้กล่าวว่าไม่ใช่คำไทยแท้ แต่เป็นคำที่มาจากภาษามลายู
คือคำว่า Timba ซึ่งหมายถึงภาชนะตักน้ำ ที่ทำด้วยกาบหมากนั่นเอง
ข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th/content/pol/20443
.http://www.geocities.com/srpproject_nypa/main.htm
http://www.thaisurat.com/korlang.htm
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=prachaya555&month=11-10-2009&group=39&gblog=1
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=154035

หมายเหตุ ๒.
พอนจาก หรือกาบใบที่อยู่ใต้ดิน ที่บางกรูดเรียกว่า ตะโพกจาก เป็นที่นิยมของเด็กๆที่หัดว่ายน้ำ โดยเลือกท่อนใหญ่ๆมาเกาะเป็นทุ่นช่วยพยุงตัวแทนการสวมชูชีพของเด็กในเมือง เด็กๆมีอุปกรณ์ช่วยหัดว่ายน้ำอีกอย่างหนึ่งคือ ลูกมะพร้าวแห้งเฉาะเส้นใยเป็นเชือก ผูกเป็นคู่ เวลาว่ายน้ำก็เอาหน้าอกตัวเองทาบลงที่เส้นเชือก (ก็จะเจ็บและระคายผิวเนื้อ)ใช้เป็นชูชีพได้เพราะสองมือสามารถใช้พุ้ยน้ำได้ทั้งสองมือ แต่การเกาะตะโพกจาก จะได้เพียงใช้เท้ากระทุ่มน้ำ
รวมทั้งการนำตะโพกจาก มากองรวมให้ผุเปื่อย นำไปใส่โคนไม้ จะให้ความเย็นกับต้นไม้ และค่อยๆสลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ แต่พลอยโพยมรู้สึกว่าควรจะใส่โคนไม้ที่สามารถทนความเค็มได้

เสวียน หมายถึงของเป็นวงกลมสำหรับรองก้นหม้อทำด้วยหญ้าหรือหวายเป็นต้น ,ของที่ทำเป็นวงกลมสำหรับรองหรือรับสิ่งของต่างๆมีพ้อมข้าวเป็นต้น


ผลตาวหรือลูกชิด
ภาพจาก http://www.bloggang.com


เคยมีคนเข้าใจสับสนระหว่างลูกจากและลูกชิด
ดังมีคำกลอนในนิราศเมืองเพชร ของสุนทรภู่
กล่าวไว้ดังนี้

ในลำคลองสองฟากล้วนจากปลูก
ทะลายลูกดอกจากขึ้นฝากแฝง
ต้นจากถูกลูกชิดนั้นติดแพง
เขาช่างแปลงชื่อถูกเรียกลูกชิดฯ



จริงๆแล้ว ลูกจากและลูกชิดมีความแตกต่างกัน ลูกจากมีขนาดใหญ่กว่าลูกชิด มีความเหนียวในเนื้อน้อยกว่าลูกชิด ลูกจากมีเนื้อกลวงภายในเพราะเป็นที่บรรจุน้ำคล้ายน้ำมะพร้าว หากลูกจากไม่มีน้ำ นั่นคือ เป็นลูกจากที่เนื้อแก่มากแข็งเป็นไต เคยมีรายการกบนอกกะลา เรื่องลูกชิด แต่พลอยโพยมไม่ได้ติดตามชม แต่อ่านพบใน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=secret-world&month=26-01-2011&group=1&gblog=108
เล่าเรื่องราวของลูกชิดดังนี้

ต้นตาว หรือต้นลูกชิดที่คนภาคกลางรู้จักดี ต้นตาวเป็นพืชดึกดำบรรพ์ตระกูลปาล์ม ลำต้นสูงตระง่าน ใบเป็นแพกว้างให้ความชุ่มเย็น ออกลูกเป็นทลายใหญ่ ในแต่ละผลมีเมล็ดใสๆเรียงชิดกันอยู่ 3 เม็ด ด้วยเหตุนี้กระมัง คนจึงเรียกลูกตาวว่า"ลูกชิด" กว่าต้นตาวจะเติบโตจนออกลูกได้ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี และสามารถเก็บเกี่ยวผลได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น และที่สำคัญ พืชชนิดนี้ ไม่สามารถปลูกได้ จะต้องขึ้นเองตามธรรมชาติ ในป่าดิบชื้นเท่านั้น

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=secret-world&month=26-01-2011&group=1&gblog=108
นอกจากต้นจากแล้ว ต้นตาวหรือต้นลูกชิด ก็เป็นพืชยุคดึกดำบรรพ์ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น