วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สายตระกูล แซ่อื้อ จากเมืองแต้จิ๋ว สู่สยามประเทศ 5

พันตรีหลวงสมรรถยุทธการ ( ฉัตร สัตยมานะ )




ท่านเข้ามาเป็นเขยในสกุลเจริญวงษ์เหมือนก๋งบุญ พัวพันธุ์

คุณตาฉัตร สัตยมานะ เป็นบุตรชายคนเดียวของคุณปู่แสง คุณย่ายัย สัตยมานะ เมื่อศึกษาจบโรงเรียนนายร้อย รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นร้อยตรี เมื่อปี พ.ศ. 2443 ( เป็นปีที่ก๋งโหงว แซ่อื้อ ถูกรางวัลหวย ก.ข. และสร้างเจดีย์ใหญ่สีขาวให้วัดบางกรูดพอดี)
คุณตาฉัตรเข้ารับราชการ และโยกย้ายไปรับราชการในจังหวัดต่าง ๆ โดยรับตำแหน่ง เป็นนายเวรกองพล รั้งผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับกองร้อย ปลัดกองพัน
จังหวัดที่รับราชการคือ ฉะเชิงเทรา อุบลราชธานี จันทบุรี ราชบุรี พิษณุโลก นครราชสีมา

จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นต่างจังหวัดจังหวัดแรกที่ท่านมารับราชการและเป็นเพราะพรหมลิขิต ที่ท่านจะได้มาพบ คู่บุญ ของท่าน จึงทำให้ คราวหนึ่ง นายร้อยตรีฉัตรได้มาเที่ยวงานประจำปีวัดบางกรูด และมาถูกตาถูกใจต้องมนต์สาวงามที่ตำบลบางกรูด เพียงแค่เห็นช่วงขาเรียวงามที่ย่างก้าวเดินของดรุณีแน่งน้อยซึ่งนุ่งผ้าโจงกระเบนตามสมัยนิยมในขณะนั้น เดินเที่ยวในงานกับพี่สาวและน้องสาว ยิ่งได้เห็นใบหน้าก็เกิดอาการ ครั้งแรกที่พบประสบพักตร์ ก็หลงรักเสียจริงเจียว

ในปี พ.ศ. 2456 จึงเกิดงานมงคลสมรสระหว่างร้อยตรีฉัตร สัตยมานะ และนางสาวอุไร เจริญวงษ์ หรือ กุ่ยฮัว ของ ก๋งไซ แซ่อื้อ ชวดจู แซ่อื้อ (เจริญวงษ์ ) และให้กำเนิดหลานชายหญิงของชวดจู 10 คน โดยเฉพาะบุตรชายคนแรกก็มากำเนิดที่บ้านอื้อเฮียบหมง

คุณลุงเกษม สัตยมานะ คุณป้าอุระมิลา อุรัสยะนันท์ บุตรชายคนโตคุณตาฉัตร

คุณตาฉัตร ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นขุนสมรรถยุทธการในปี พ.ศ. 2461 จนเป็นหลวงสมรรถยุทธการในปี พ.ศ. 2470
ในปี พ.ศ. 2474 ได้รับการเลื่อนยศเป็นนายพันตรีหลวงสมรรถยุทธการ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นนายทหารประจำกองสารวัตรใหญ่ ในปี พ.ศ. 2476 ออกจากประจำการเป็นทหารกองหนุนสังกัดกองบัญชาการจังหวัดทหารบกกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2477 ได้รับแต่งตั้งเป็นนายทหารนอกราชการสังกัดเดิม จนถึง พ.ศ.2481
ในปี พ.ศ. 2489 ท่านเข้าทำงานในองค์การบริหารการจัดส่งข้าวให้สหประชาชาติ ต่อมาย้ายไปเป็นหัวหน้าหมวดการเงินและพัสดุสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการปฏิบัติการค้าข้าว ได้ลาออกในเดือนมกราคม พ.ศ. 2502 เนื่องจากสุขภาพไม่สมบูรณ์ และถึงแก่กรรมใน เดือน กันยายน พ.ศ. 2502 เมื่ออายุ 72 ปี

ท่านรับราชการทหาร 25 ปี ออกจากราชการฐานรับราชการนาน (เหมือนคุณเปรมของแม่พลอย ในนวนิยายเรื่องสี่แผ่นดิน) ในช่วงที่่เมืองไทยเพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ ๆ แต่คุณตาฉัตร ท่านมีคติพจน์ ที่สอนลูกทุกคนจะต้องจำและปฎิบัติตาม คือ
" เกิดเป็นคนอย่าให้คนหมิ่นได้ การงานดีไว้ ใครไม่กล้าหมิ่นเรา "

ท่านจึงเข้าไปทำงานในองค์การที่มิได้ใช้วิชาชีพการทหารที่ท่านเรียนมา และทำงานจนถึงวาระสุดท้ายที่ร่างกายท่านรับได้ด้วยอายุถีง เจ็ดสิบเอ็ดปีเศษ

นางสมรรถยุทธการ หรือนางอุไร สัตยมานะ ( กุ่ยฮวย แซ่อื้อ - เจริญวงษ์)




สาวงามผู้กำหัวใจนายร้อยตรีฉัตรเพียงแค่แรกพบประสบพักตร์

คุณยายเป็นลูกสาวคนกลางของพี่น้อง คือคนที่สามในจำนวนพี่น้องห้าคน และยังเป็นบุตรสาวคนกลาง มีพี่สาวและน้องสาว

เมื่อแต่งงานมีครอบครัวแล้วท่านก็ย้ายไปอยู่กับคุณตาฉัตรที่บ้านบางขุนพรหม การมีบุตรธิดา ถึง 10 คน เป็นภาระใหญ่หลวงในการอบรมเลี้ยงดู คูณยายจึงเป็นคุณแม่ที่ค่อนข้างดุเลี้ยงลูกด้วยไม้เรียวหากลูก ๆ เกเรหรือทำความผิด แต่กับหลาน ๆ โดยเฉพาะหลานน้า ท่านกลับเป็นคุณน้าที่ใจดีมากของหลาน ๆ
พี่สาว น้องสาวและหลาน ๆ จึงมักมาเยี่ยมเยียนพักค้างคืน รวมทั้งเมื่อมีหลาน เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ คือคุณน้ามิ่งขวัญ พัวพันธุ์ มาพักอาศัยที่บ้านคุณยายอุไร ส่วน นายแพทย์วิจิตร พัวพันธุ์ พักกับบุตรชายและสะใภ้ของคุณตามานิตย์ เจริญวงษ์ ซึ่งรับราชการทหารเรืือ แม่ละม่อมเข้ามาเรียนตัดเสื้อโดยพักที่บ้านหลวงสมิทธิ์อนุสาส์น (เสียง สูยะวณิช) บุตรชายของก๋งโต แซ่พัว เพราะมีพี่อุทัยวรรณเข้ามาเรียนตัดเสื้อก่อนหน้าและพักที่บ้านนี้

คูณน้ามิ่งขวัญ เคยเล่าว่า วัน ๆ คุณยายอุไร ใช้เวลาหมดไปกับการดูแลสามี ลูก ๆ โดยเฉพาะกำกับดูแลการทำอาหารก็แทบหมดเวลาแล้ว ช่วงที่คูณน้ามิ่งขวัญเข้าไปเรียนหนังสือในกรุงเทพ ฯ บุตรธิดาของคุณยายอุไรก็เติบโตกันหมด เป็นทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องคุณน้ามิ่งขวัญอยู่ในวัยรุ่นกันแล้ว ไม่มีใครเกเร เลิกเรียนหนังสือก็ต่างล้วนตรงดิ่งกลับบ้าน กลับมาถึงบ้านคุณยายก็เตรียมของกินไว้รับหน้าลูก ๆ และหลานของท่านให้อิ่มหนำสำราญท้อง
หากแต่ในช่วงที่บุตร ธิดา ของคุณยายยังเล็กอยู่ เป็นช่วงที่คุณตาฉัตรมักโยกย้ายที่ประจำการส่วนใหญ่เป็นต่างจังหวัด คุณน้าไพจิตร สัตยมานะเล่าว่า เป็นการเดินทางด้วยเกวียนบนถนนหนทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ใช้เวลาในการเดินทางโยกย้ายหน่วยงานประจำการของคุณตาแต่ละครั้งเป็นวัน ๆ ถึงหลายวัน
นึกภาพตามคำเล่าแล้วก็สงสารคุณยายอุไรมากว่าท่านเป็นหญิงทรหดอดทน ติดตามดูแลสามีไม่ย่่อท้อ อบรมเลี้ยงดูบุตรธิดาล้วนแต่ได้ดีประสบผลสำเร็จในการศึกษา และมีหน้าที่การงานที่เชิดชูวงศ์ตระกูล

คุณลุงเกษม สัตยมานะ

คุณป้าอุระมิลา สัตยมานะ

ท่านเลี้ยงดู คุณลุงและคุณน้าทั้งหลายรวม 10 ท่าน ได้อย่างที่หากเป็นในยุคปัจจุบันท่านสมควรได้รับการยกย่องเป็นแม่ดีเด่นแห่งชาติ บุตรธิดาของท่านนอกจากประสบผลสำเร็จเรื่องการศึกษา ก้าวหน้าในหน้าที่การงานทุกคนแล้ว ท่านยังอบรมให้เป็นพี่น้องที่ใคร่สามัคคีกลมเกลียว น้องรักเคารพเชื่อฟังพี่ พี่ดูแลน้องแม้เมื่อเติบโตขึ้นแต่งงานแยกครอบครัวออกไป คนเป็นพี่ก็ทำตนเป็นพ่อแม่ให้น้อง ๆ นอกจากนี้ลูก ๆ ของท่านล้วนเคารพนับถือญาติผู้ใหญ่ทางบ้านนอก ทั้งยังโอบอ้อมอารีกับญาติ ลูกพี่ลูกน้องและหลาน ๆ ทางบ้านนอก รักถิ่นฐานบ้านเกิดของบรรพบุรุษ กตัญญูููต่อบรรพบุรุษ

บุตร ธิดาของท่าน มีหน้าที่การงาน เป็นผู้ตรวจการณ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นคุณครู เป็นผู้จัดการเลขาธิการธนาคารกรุงเทพ จำกัด เป็นข้าราชการผู้ใหญ่ในกรมส่งเสรมการเกษตร เป็นผู้อำนวยการกองการท่าการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับ 8 กรมวิชาการเกษตร เป็นรองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นสมุห์บัญชีธนาคารกรุงเทพ ฯ
บางท่านก็ออกจากงานก่อนเกษียณอายุ ( EARLY ) เพราะปัญหาสุขภาพ

คุณยายอุไรเสียชีวิตด้วยอายุเพียงห้าสิบกว่าปีเศษ ยังไม่ทันเห็นความก้าวหน้าของบุตรธิดา ทั้ง ๆ ที่ บรรดา พี่ ๆ น้อง ๆ ของท่านล้วนแต่อายุ 90 ปี ขึ้นไปทั้งสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น