วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สู่แดนพระพุทธองค์ ๙๒ พระพุทธบิดาประชวรและนิพพาน





พระพุทธบิดาเสด็จนิพพาน

ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ กุฎาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้พระนครไพศาลี ทรงทราบว่า พระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา ซึ่งประทับอยู่กบิลพัสดุ์นคร ทรงประชวรหนักด้วย พระโรคชรา ทรงปรารถนาจะได้เฝ้าพระพุทธองค์ ตลอดถึงพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นเจ้าศากยะและเป็นพระญาติอีกหลายรูปที่เสด็จออกบวชตามพระพุทธเจ้า เช่น พระอานนท์ พระนันทะ และสามเณรราหุลผู้เป็นพระนัดดา

พระบรมศาสดารับสั่งพระอานนท์ให้แจ้งข่าวพระสงฆ์ ถึงเรื่องที่พระองค์จะเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์อีกวาระหนึ่งเพื่อไปเยี่ยมพระพุทธบิดา พร้อมด้วยพระสาวกเป็นอันมาก ทรงบำเพ็ญปิตุปัฏฐานธรรมถวายการพยาบาลตามพุทธวิสัย

ขณะนั้น พระเจ้าสุทโธทนะ ได้รับการบีบคั้นจากอาพาธกล้า เกิดทุกขเวทนายิ่งนัก มีพระอาการทุรนทุรายหมดสติ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกพระหัตถ์ ตั้งพระทัยอธิษฐานพระจิตบำบัดโรคาพาธ แล้วทรงลูบลงที่พระเศียรพระเจ้าสุทโธทนะ ขณะนั้นอาพาธกล้าก็ทุเลาลงด้วยพระบารมี

พระอานนท์เถระเจ้า ยกพระหัตถ์ลูบที่พระหัตถ์เบื้องขวา อาพาธข้างขวาก็ทุเลาลง

พระอานนท์เถระเจ้า ยกพระหัตถ์ลูบที่เบื้องซ้าย อาพาธกล้าด้านซ้ายก็เพลาลง

พระราหุลเถระเจ้า ยกพระหัตถ์ลูบที่พระปฤษฎางค์ อาพาธกล้าที่พระกายก็ทุเลาลง

พระเจ้าสุทโธทนะทรงพระสำราญพระกายคลายความทุกข์เวทนาอันสาหัส ทรงลุกขึ้นประทับนั่งถวายบังคมพระบรมศาสดา ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่เสด็จมาทรงอนุเคราะห์


ขอขอบคุณภาพจาก pranaivai.blogspot.com

พระบรมศาสดาทรงแสดง อนิจจตาทิธรรมสูตรโปรดพุทธบิดาด้วยสังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายนเป็นอนัตตา โปรดพระพุทธบิดา ปฐมสมโพธิบันทึกพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ครั้งนี้ไว้ตอนหนึ่งว่า
"ดูกรบพิตร อันว่าชีวิตแห่งมนุษย์ทั้งหลายนี้น้อยนักดำรงอยู่ โดยพลันบ่มิได้ยั่งยืนอยู่ช้า ครุวนาดุจสายฟ้าแลบอันปรากฎมิได้นาน..."
พระเจ้าสุทโธทนะซึ่งทรงสำเร็จอนาคามิผลอยู่ก่อนแล้ว ได้สดับพระธรรมเทศนา ตั้งแต่ต้นจนจบก็ได้สำเร็จอรหันต์ในบั้นปลายแห่งพระชนม์ชีพ พระเจ้าสุทโธทนะทรงพิจารณาเห็นชนมายุของพระองค์ถึงอวสานสุดสิ้นเพียงนั้นแล้ว ก็ทูลลาพระบรมศาสดาเสด็จนิพพาน และลาพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งสิ้นด้วยกัน แล้วพระองค์ก็เสด็จนิพพานด้วยอุปปาทิเสสนิพพาน หลังจากนั้นอีก ๗ วัน


ขอขอบคุณภาพจากwww.sookjai.com

พระบรมศาสดาทรงเคารพในขัตติยประเพณีนิยม ทรงเป็นประธานอำนวยการพระศพ ในฐานะที่พระองค์เป็นพระโอรส และเป็นพระญาติผู้ใหญ่ จึงโปรดให้พระมหากัสสปเถระเจ้า ไปตรวจดูที่ประดิษฐานจิตรกาธาร เพื่อถวายพระเพลิงพระศพพระพุทธบิดา และโปรดให้พระสารีบุตรเถระเจ้า เป็นภาระจัดถวายน้ำสรงพระศพพระพุทธบิดา ตามขัตติยประเพณี

เมื่อเจ้าพนักงานอัญเชิญพระศพไปประดิษฐาน ณ พระจิตรกาธารที่จัดถวายสมพระเกียรติของพระมหากษัตริย์แล้ว บรรดาพระประยูรญาติทั้ง ๖ พระนคร คือ เมืองกบิลพัสดุ์ ๑ เมืองเทวทหะ ๑ เมืองโกลิยะ ๑ เมืองสักกะ ๑ เมืองสุปวาสะ ๑ เมืองเวระนคร ๑ ก็ประชุมกันบำเพ็ญกุศลมหายัญ อุทิศถวายด้วยความเคารพ และความอาลัยอย่างยิ่ง

ครั้นได้เวลา พระบรมศาสดาก็ทรงเป็นประธานจุดเพลิงถวายพระบรมศพพระพุทธบิดา พระมหาปชาบดีโคตมี พร้อมทั้งบรรดาพระประยูรญาติทั้งหลาย เข้าเฝ่าถวายพระเพลิง ตามลำดับพากันโศกเศร้าพิลาปไห้ ปริเทวนาการ พระบรมศาสดาก็ทรงแสดง อนิจจตาทิธรรมสูตร ซ้ำอีกครั้งเพพื่อระงับความเศร้าโศกแห่งมหาชน มีผู้บรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก
พระประยูรญาติทั้งหลาย บำเพ็ญทักษิณานุปทาน อุทิศถวายด้วยความกตัญญู พระพุทธองค์ทรงตรัสอนุโมทนาแล้วเสด็จกลับนิโครธาราม



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี (ว.ป.วีรยุทฺโธ)
พุทธประวัติทัศนศึกษา
พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี)
http://dharma-gateway.com/buddha/buddha-main-page.htm
http://crs.mahidol.ac.th/thai/buddhist77.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น