วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ตำนานคริสต์มาส
ตำนานคริสต์มาส
ที่มาของคำว่า “คริสต์มาส”
คริสต์มาส.
มาจากคำในภาษาอังกฤษโบราณว่า “Christes Maesse” แปลว่า “บูชามิสซาของพระคริสต์เจ้า” เพราะจุดประสงค์หลักของเทศกาลนี้ ก็เพื่อฉลองการเสด็จลงมาเกิดเป็นพระบุตร (พระเยซูเจ้า) นั้นเอง คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas "คริสต์มาส" ก็มีความหมายเช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า"เดือน"
เทศกาลคริสต์มาส จึงเป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืน
ทำไมต้องเป็น 25 ธันวาคม
ถึงแม้ว่าชาวคริสต์ทั่วโลกจะฉลองวันประสูติพระเยซุในวันที่ 25 ธันวาคม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ปรากฏหลักฐานที่ยืนยันว่า พระเยซูถือกำเนิดในวันที่ 25 ธันวาคมจริง หลักฐานที่เชื่อถือได้มาที่สุด น่าจะเป็นข้อความในพระคัมภีน์ที่ระบุว่า ใน ปี ค.ศ. 274 วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันฉลองวันเกิดขององค์สุริยะเทพ แห่งอาณาจักรโรมันและเนื่องจากสมัยนั้น ชาวยิวทั้งหมดถูกจับเป็นทาสอยู่ใต้อำนาจของจักรพรรดิต้องการลบล้างศาสนาอื่นให้หมดไป จึงมีพระบัญชาให้ทาสชาวยิว ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ทั้งหมด ร่วมฉลองในวันนี้ด้วย แต่เนื่องจากคริสต์ศาสนามีหลักให้นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว ทาสทั้งหมดจึงรู้วึกขมขื่นเหลือแสน ที่ต้องเฉลิมฉลองพระเจ้าของผู้อื่น แต่ด้วยภาวะจำยอมก็ต้องร่วมฉลองไปด้วย เพราะกลัวการลงโทษของพวกโรมัน ในที่สุดพวกทาสจึงแอบลงมติกันลับ ๆ เลือกวันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซูของตน แล้วจัดงานฉลองด้วยวิธีนี้ทาสชาวยิวก็ไม่ต้องรับโทษจากจักรพรรคในข้อหาฝ่าฝืนพระบัญชา ในขณะเดียวกัน ก็ไม่เป็นการผิดกฏในหลักศาสนาด้วย วันที่ 25 ธันวาคม จึงได้แจ้งเกิดกลายเป็นวัน “คริสต์มาส” มานับตั้งแต่นั้นเอง
คำอวยพร “ในวันคริสต์มาส”
คำอวยพรอมตะหนึ่งเดียวที่อยู่ยืนยง คู่กับเทศกาลวันคริสต์มาสคือคำว่า “Merry Christmas” เพราะคำว่า “Merry” ในภาษาอังกฤษโบราณมีความหมายว่า “สันติสุขและความสงบทางใจ” เป็นความหมายที่ลึกล้ำที่เหมาะกับการอวยพรในเทศกาลทางศาสนาอย่างคริสมาสมาก
ต้นคริสต์มาส
ชาวคริสต์ถือกันว่า ต้นคริสต์มาสคล้ายเป็นสัญลักษณ์ขององค์พระเยซูเจ้า ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งเขียวสดอยู่เสมอในทุกฤดูกาล หมายถึง นิรันดรภาพ และความสว่างของพระองค์
ซานตาครอส
ซานตาครอส เป็นจุดเด่นหรือสัญลักษณ์ที่เด็กและผู้คนนิยมกันมากที่สุดในเทศกาลคริสต์มาส แต่ที่จริง ซานตาครอสแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เลย ชื่อ “ซานตาครอส” มาจากนักบุญ นิโคลาส เป็นนักบุญ ชาวฮอลแลนด์นับถือเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็ก ๆ และมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4 เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ คือฉลองนักบุญนิโคลาส ซึ่งนักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็ก ๆ และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา จนประเพณีนี้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายไปในอเมริกา
และมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลาสก็เปลี่ยนเป็นซานตาคลอส ที่มีลักษณะเป็นชายแก่ที่อ้วนใส่ชุดสีแดงอาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ และมียานพาหนะเป็นกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาสโดยลงมาทางปล่องไฟของบ้าน เพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติ
การร้องเพลงคริสต์มาส
เพลงคริสต์มาสที่เรานิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีเสียงมากได้แก่ Silent Night, Holy Night เป็นภาษาไทยว่า "ราตรีสวัสดิ์ ราตรีสกัด"
ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวันคริสต์มาสของปี ค.ศ. 1818 คุณพ่อ Joseph Mohr เจ้าอาวาสวัดที่ Oberndorf ประเทศออสเตรเลีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำให้วงขับร้องไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ คุณพ่อเองตั้งใจจะแต่งเพลงคริสต์มาส หลังจากแต่งเสร็จก็เอาไปให้เพื่อน คนหนึ่งชื่อ Franz Gruber ที่อยู่หมู่บ้านใกล้ เคียงใส่ทำนอง และในคืนวันที่ 24 ธ.ค.นั้นเองสัตบุรุษและวัดใกล้ ๆ ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้ง แรก โดยการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://twssg.blogspot.com/2009/12/legend-of-christmas.html
บทแปลโดยร้อยตะวัน
ขอขอบคุณภาพจาก อินเทอร์เนท
ป้ายกำกับ:
[บทความ]
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น