ปฏิปทา ...ธรรมาจารย์ คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย
หุ่นขี้ผึ้งคุณแม่ ดร. สิริ กรินชัย
ที่อาคารกรินชัย ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ฯ
ปฏิปทา แปลว่า ทางดำเนิน ข้อปฏิบัติ แนวทางปฏิบัติ ความประพฤติ
เกียรติประวัติอันฟุ้งขจร
คุณแม่ ดร. สิริ กรินชัย
คุณแม่ ดร. สิริ กรินชัย เป็นธิดาคนโตหลวงสิทธิ์โยธา (สังวาล ) และคุณแม่สาคร พจนสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่จังหวัดนครราชสีมา
หลวงสิทธิ์โยธา ได้ไปตั้งโรงสีข้าวโรงแรก ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อ คุณแม่ สิริ อายุ ๑๐ขวบ
ในวัยเด็กคุณแม่สิริชอบไปวัดชอบไปทำบุญร่วมกับคุณพ่อ (หลวงสิทธิ์โยธา) ไปวัด รักษาศีลห้า ที่บ้านคุณแม่ไม่ฆ่าสัตว์ แม่ครัวถูกสั่งห้ามซื้อสัตว์หรือปลาเป็น ๆ มาฆ่า แม้แต่ไข่ก็ต้องซื้อไข่แตกร้าวหรือไข่บุบ ถ้าไม่มีก็ไม่กิน เวลาไปวัดเสื่อผืนหมอนใบ ถือศีล แปด
เมื่อโตขึ้นคุณแม่สิริเรียนหนังสือเก่งมักสอบได้ที่ ๑ เสมอ มีความสามารถด้านศิลปะและดนตรี เคยแสดงโขน เป็นตัวพระลักษณ์ และละครรำเรื่องพระลอ โดยเป็นตัวพระลอ เล่นละครพันทางเรื่องขุนช้างขุนแผน คุณแม่สิริเล่นเป็นตัวพลายชุมพล สามารถขับร้องเพลงได้ ส่วนดนตรีไทยคุณแม่เล่นซอด้วง
งานด้านศิลปะ คุณแม่มีฝีมือมากในการปักจักร นวดหน้า แต่งหน้า ทำผม ตัดเสื้อ เคยชนะการประกวดได้ที่หนึ่ง เคยเรียนถ่ายภาพ สามารถล้างและอัดภาพได้เอง ผ่านการสอบได้เป็นที่สองวิชาการถ่ายภาพ มีพรสวรรค์ในการแต่งโคลงกลอน หลายประเภท แม้ในการบรรยายธรรมคุณแม่ก็สามารถพูดออกมาเป็นคำกลอนได้
จากดวงใจศิษย์ น้อมบูชาคุณแม่สิริ เมื่ออายุ 84 ปี
โดยพระชาญชัย อธิปัณฺโณ
เมื่อคุณแม่อายุได้ ๑๙ ปีได้สมรสกับคุณพ่อไชย กรินชัย อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมือง และเป็นนักธุรกิจ นักสังคมสงเคราะห์ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นบุตรชายคนสุดท้องของหลวงพลภักดิ์พานิช กับคุณแม่หริ่ง กรินชัย ที่โรงสีบุรีรัมย์ โดยเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้พบกันครั้งแรกในวันเข้าพิธีสมรส และได้ย้ายตามคุณพ่อไชย ไปอยู่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ๗ ปี จึงย้ายกลับมาที่นครราชสีมา ทำการค้า ตัดผม ตัดเสื้อและรับสอน ขายเครื่องสำอาง ต่อมาได้หยุดพักผ่อนเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง แพ้น้ำยาและสเปรย์
คุณแม่มีทายาท ๔ คน
คุณแม่สิริเองได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานครั้งแรก ใน ปีพ.ศ. ๒๔๙๕ ที่วัดแจ้งนอก โดยมีแม่ชีพัฒน์ ดั่นประดิษฐ์ จากวัดมะกอก กรงเทพฯ เป็นอาจารย์ โดยเข้าปฎิบัติ ๗ วัน คุณแม่ต้องปิดร้านเข้าปฏิบัติธรรม
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ์) ครั้งยังเป็น ท่านเจ้าคุณเทพสิทธิมุนี พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ได้รับการอาราธนาจากคุณหญิงศรีศรศักดิ์ อาราธนาให้มาโปรดญาติมิตรชาวนครราชสีมา คุณแม่ได้เป็นศิษยานุศิษย์ จนท่านเจ้าคุณอาจารย์ใหญ่ เอ่ยปากชมว่า " มาโคราชเที่ยวนี้ ไม่เสียเที่ยว ได้อย่างนี้ไว้คนหนึ่ง คุณสิริคนนี้ต่อไปจะทำประโยชน์แก่พระศาสนา คอยดูนะ ต่อไป คน ๆ นี้จะสอนคน "
และคุณแม่ยังเป็นศิษย์ของพระครูภาวนาวิสิฐ เจ้าอาวาสวัดแสงธรรมเวฬุราม แม่ชีพัฒน์ ดั่นประดิษฐ์และแม่ชีแดง พจนสิทธิ์
ในปี พ.ศ.๒๕๑๔ได้สร้างตึกกรินชัยและย้ายเข้าไปอยู่ที่ตึกกรินชัย ได้บำเพ็ญกุศลในด้านธรรมทานตลอดมา อุทิศตึกกรินชัยนี้ให้ผู้ศรัทธาปฎิบัติวิปัสนากรรมฐาน มาปฎิบัติที่บ้าน ทั้งภิกษุ สามเณรแม่ชี ฆราวาสชายหญิง เด็กและผู้ใหญ่
ท่านเป็นนักสังคมสงเคราะห์ของจังหวัดนครราชสีมาเปี่ยมด้วยจิตเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์มากมาย อาทิ
เป็นกรรมการแพทย์อาสาสมัครในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
เป็นกรรมการเหล่ากาชาดได้รับพระราชทานเหรียญสมนาคุณ
เป็นกรรมการพุทธสมาคม และยุวพุทธิกสมาคมฯ นครราชสีมา
คุณแม่ สิริ ได้ทำหน้าที่ธรรมาจารย์มามากกว่า ๕๐ ปี โดยเป็นผู้ริเริ่มหลักสูตรปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ๗ วัน ชื่อหลักสูตร “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและสันติสุข” ด้วยจิตที่เปี่ยมล้นด้วยมหาเมตตา ท่านสละบ้านกรินชัยให้เป็นสำนักสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่สาธุชนที่สนใจ ต่อมาได้รับเชิญให้ไปสอนตามบ้าน หน่วยงาน องค์การของรัฐ และเอกชน รวมทั้งไปประกาศธรรมในต่างประเทศปีละ ๓ เดือน
เกียรติคุณที่ได้รับ
ได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร รางวัลบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ด้านส่งเสริม และชักชวนให้คนมาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง คัดเลือกโดยคณะกรรมการอำนวยการสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๒๘ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ท่าพระจันทร์ กทม.
ได้รับพระราชทานปริญญาครุศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาปรัชญาและศาสนา ของสภาการฝึกหัดครู โดยวิทยาลัยครูนครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙
ได้รับโล่เกียรติคุณจากพระเทพโสภณ เจ้าอาวาสวัดไทยในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๓๐ในฐานะผู้บำเพ็ญประโยชน์ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยการสอนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้แก่คนไทยและชาวต่างประเทศ ณ วัดไทยในนครลอสแองเจลิส โดยติดต่อกันเป็นเวลา 4 ปี และในรัฐอื่นๆของประเทศสหรัฐอเมริกา รวมเวลา ๘ ปี
ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาจิตวิทยา โดยมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๓๑ ณ อาคารใหม่ส่วนอัมพร
ได้รับโล่เกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี ๒๕๓๐ ประเภทอาสาสมัคร ในสาขาพัฒนาจิตใจ โดยมูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ จาก ฯพณฯ ท่านศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้รับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณ ในฐานะผู้ทำประโยชน์ดีเด่นการพัฒนาคุณภาพชีวิต จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พ.ศ. ๒๕๓๔ เสนอโดย คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
ได้รับพระราชทานรางวัล ประกาศเกียรติคุณ เป็นแม่ดีเด่นแห่งชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐จากพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสนอโดยจังหวัดนครราชสีมา และสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น ๔ จตุรถาภรณ์มงกุฏไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘
ได้รับโล่และประกาศเกียรติคุณ เป็นสตรีตัวอย่าง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ สาขาการส่งเสริมและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ของมูลนิธิสังคมเพื่อไทย
ได้รับการประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติเป็น คนดีศรีแผ่นดิน จากสมาคมสื่อมวลชนส่วนภูมิภาคประเทศไทย พ.ศ.๒๕๔๓
ได้รับรางวัล “ OUTSTANDING WOMAN IN BUDDHISM” หรือ “สตรีผู้โดดเด่นแห่งพุทธศาสนาโลก” จากองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธโลก เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๕
ได้รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ “ผู้สูงอายุตัวอย่างประจำปี ๒๕๔๔ ” ของสมาคมคลังปัญญาอาวุโสแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๕
ได้รับโล่เกียรติคุณยกย่องในฐานะธรรมาจารย์และ ปูชนียบุคคลผู้ควรแก่การเคารพบูชาอย่างยิ่ง จากยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ
ได้รับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” ของสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ประเภทบุคคลภาคเอกชน
ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ “โล่พุทธคุณูปการกาญจนเกียรติคุณ” จากคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒
ได้รับความสนใจสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เผยแพร่เกียรติคุณการเผยแพร่ธรรมอยู่เสมอ
บทกลอนน้อมบูชา คุณแม่สิริ กรินชัย อายุ 85 ปี
โดยพระชาญชัย อธิปัณฺโณ
ท่านดำรงตำแหน่ง “ธรรมาจารย์” ผู้ยิ่งใหญ่ของยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านคู่ควรกับการจารึกว่า “คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร”
ฉายมญฺญสฺส กุพฺพนฺติ ติฏฺฐนฺติ สยาตเป
ผลานิปิ ปรสฺ เสว รุกฺขา สปฺปุริสา อิว
สร้างร่มเงาให้ความร่วมเย็นแก่ผู้อื่นทั้งคนและหมู่สัตว์ ส่วนตัวเองยืนหยัดรับความร้อนของแสงแดดอย่างไม่พรั่นพรึง ถึงคราวมีลูกมีผลก็มีเพื่อผู้อื่น สัตว์อื่นได้รับประทาน หาใช่มีเพื่อตัวเองไม่ นี่คือปฏิปทาของพระพุทธสาวก
" คุณพ่อ (หลวงสิทธิ์โยธา)บอกว่า สิริเป็นลูกที่จะเป็นที่พึ่งของพ่อ นำชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูลจริง ๆ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันบ่งชัดมากว่าจะเป็นที่พึ่่งของพ่อได้จริง ๆ แล้วพ่อบอกว่ามีลูกกี่คน ก็ไม่มีใครช่วยพ่อได้มากเท่ากับสิริ ช่วยพ่อได้ทั้งทางโลกและทางธรรม งานธรรมคือไปวัดตั้งแต่ ๕ ขวบ คุณพ่อไปวัดทุกวันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ แม่ร้องไห้อยากไปวัด ตั้งแต่ ๓ ขวบ ผลที่สุดก็ไปวัดมาตั้งแต่นั้นเพราะไปมาตลอด "
" แม่ชอบให้ทาน จะต้องมีข้าวสารประจำถังอยู่หน้าบ้านเวลามีขอทานผ่านมาจะต้องให้ จนกระทั่งมีลูกก็เหมือนกัน ใจลูกเหมือนแม่ ชอบให้ทาน แล้วก็ไปวัดเหมือนกัน "
" พอแต่งงานไปก็ลำบาก ลำบากที่ต้องดูแลครอบครัวต้องปรนนิบัติสามี ทำทุกอย่างอะไรให้เป็นความดีของลูกผู้หญิง อ่านหนังสือสุภาษิตสอนหญิงจนพูดได้คล่องทั้งเล่มเลย ไม่ต้องอ่าน ว่าปากเปล่าได้เลย แล้วก็ตั้งปณิธานว่าถ้าจำเป็นจะต้องแต่งงาน เราจะทำดีที่สุด เมื่อมันมีอันจำเป็นจะต้องจากกันไป จะได้ไม่เสียดายว่าเรายังไม่ได้ทำความดี เราขาดตกบกพร่อง"
ท่านเจ้าคุณอาจารย์ใหญ่ เอ่ยปากชมว่า " มาโคราชเที่ยวนี้ ไม่เสียที่ยว ได้อย่างนี้ไว้คนหนึ่ง คุณสิริคนนี้ต่อไปจะทำประโยชน์แก่พระศาสนา คอยดูนะ ต่อไป คน ๆ นี้จะสอนคน "
"แม่ขอเตือนว่าอย่าได้ประมาท โดยเฉพาะโอกาสที่จะได้เข้าปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อย่าได้ผลัดวันประกันพรุ่ง สำหรับแม่เองนั้น ครั้งแรกที่ไดยินเรื่องวิปัสสนากรรมฐานจากคุณพ่อของแม่ แม่ก็หาโอกาสเข้าปฎิบัติกรรมฐานทันที แล้วก็รู้ว่าชีวิตของคนเราไม่เที่ยงแท้แน่นอน อาจจะตายก่อนเมื่อใดก็ได้ พอแม่ออกมาแม่ก็ทำตามที่ครูบาอาจารย์สอนทุกอย่าง แม่เริ่มรู้สึกเลยว่างานนี้เป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตมนุษย์"
" แม่อยากเห็นคนปฎิบัติธรรมมาก ๆ เพื่อจะได้มีความสันติสุขทั้งบ้านเรือน ทั้งในหน้าที่สังคม อยากให้มีเกิดขึ้น ถ้าคนปฎิบัติมาก ๆ แล้ว สงครามก็จะเบาลงไป ความอิจฉาริษยาเบียดเบียนก็จะเบาไป มีแต่ความเมตตากรุณาเกื้อกูลกัน เราก็จะอยู่เย็นเป็นสุขขึ้น แม่อยากมองเห็นทุกคนมีความสุข "
คุณแม่ดร.สิริ กรินชัย เปี่ยมไปด้วยความเสียสละทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างแม้ชีวิตให้กับงานพัฒนาคน โดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งกลางวันและกลางคืน ปีแล้วปีเล่าท่านจึงเป็นพุทธสาวิกาผู้เดินตามรอยพระบาทของพระศาสดาอย่างใกล้ชิดและเป็นมิ่งขวัญควรแก่การกราบไหว้บูชาของลูกโยคีตลอดนิตยกาล
“แม่คือแสงอุษาเบิกฟ้าสาง
ส่องสว่างกลางใจให้ไออุ่น
ผู้นำธรรมะพุทธคุณ
ช่วยเกื้อหนุนนำศิษย์เป็นนิจมา
แม่เมตตาอาทรสั่งสอนศิษย์
เฝ้าห่วงใยใกล้ชิดไม่เลือกหน้า
ถนอมรักดุจเป็นเช่นมารดา
เรียกท่านว่าคุณแม่ได้สนิทใจ”
ด้วยรักและอาลัย..คุณแม่ ดร. สิริ กรินชัย
โดยยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ฯ
คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย ผู้เป็นธรรมาจารย์ ที่พวกเราชาวยุวพุทธฯ
น้อมบูชาพระคุณอันหาที่สุดมิได้ ได้ละสังขารแล้ว ด้วยวัย ๙๔ ปี ๓ เดือน
http://www.ybat.org/v4/activity_view.asp?id=201
“ท่านเป็นผู้โชคดี ได้มาพบพระพุทธศาสนา มีโอกาสรับของขวัญจากพระพุทธเจ้า
ขอให้ทุกท่านมีความเพียร มีความอดทน มีความพอใจที่จะก้าวไปสู่ทางสันติสุข
โดยยึดมั่นปฏิบัติธรรมะ สมถะและวิปัสสนาอันเป็นทางตรงและถูกต้องแล้ว
ท่านจะต้องได้รับและรักษาของขวัญจากพระพุทธเจ้าไว้ คือ
ความสุข ไพบูลย์ สงบเย็น ด้วยคุณธรรมของศีล ทาน สมาธิและปัญญา”
คำสอนของคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย
http://www.ybat.org/v4/activity_view.asp?id=201
คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย
ตั้งอยู่ ณ ตึกมหาธาตุวิทยาลัย (ชั้นล่าง) วัดมหาธาตุ ฯ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพ ฯ
ขอเรียนเชิญเยี่ยมกราบคารวะคุณแม่ได้ทุกวัน
เชิญร่วมฟังสวดพระอภิธรรมและร่วมเป็นเจ้าภาพ ได้ทุกวันศุกร์เว้นศุกร์
เริ่มศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป
ติดต่อได้ที่มูลนิธิคุณแม่สิริ กรินชัย โทร 02-570-4014 แฟกซ์ 02-570-4791
และที่วัดมหาธาตุ คณะ 5 โทร 02- 222-6011 แฟกซ์ 02 223-3743
พระครูวิมลธรรมรังสี 089 -693-8600
พลอยโพยม ได้มีโอกาสเข้าปฎิบัติธรรมกับคุณแม่สิริ เมื่อ ปี พ.ศ. 2518 ขณะยังเป็นนิสิต ไปปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่บ้านคุณแม่ที่โคราช ท่านรับผู้เข้าปฎิบัติได้ครั้งละ 15 คน พลอยโพยมเขียนจดหมายไปขอเข้าปฎิบัติ ตอนที่รับครบจำนวนแล้ว แต่คุณแม่ท่านมีเมตตารับพลอยโพยมเพิ่ม พลอยโพยมเลยมีบุญอย่างยิ่ง ได้ปูที่นอนนอนในห้องคุณแม่ เพราะห้องโยคีเต็มหมดแล้ว 7 วัน 6 คืน ที่พลอยโพยมได้เรียนรู้ธรรมะมากมายได้ลงมือปฎิบัติอย่างตั้งใจ
ในปีถัดมา ได้พาเพื่อนไปเข้าปฎิบัติอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ผลดีนัก เพราะมีเพื่อนไปด้วยและเขาไม่ปฏิบัติ ตามกฎ คืองดวาจา
สู้ไปคนเดียวไม่ได้ และนอนรวมกับโยคีอื่น ๆ
ทานข้าววันละ 2 มื้อ มี 2 โต๊ะอาหาร และนั่งสลับที่นั่งเวียนกัน เพื่อให้ผู้เข้าปฎิบัติมีโอกาสได้ร่วมโต๊ะทานข้าวกับคุณแม่ทุกคน
ผู้เข้าร่วมปฏิบัติ เคยพบพระภิกษุ 1 องค์ แม่ชี 1 ท่าน คุณครู นักเรียน นักศึกษา
เมื่อเรียนจบก็ได้ทำงานธนาคาร มีภาระกิจยุ่งเหยิงเพราะเป็นสาขาเปิดใหม่ ชีวิตอยู่ดีมีสุขทำให้ลืมเลือนการเข้าปฎิบัติธรรม ที่แท้ผลบุญที่ได้จากการเข้าปฎิบัติธรรมสองครั้ง ส่งผลให้มีวิถีชีวิตที่ราบรื่นมาโดยตลอด มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีครอบครัวมีธิดาและบุตร
จน ปี พ.ศ. 2546 จึงกลับเข้าสู่เส้นทางนี้ใหม่อีกครั้ง จู่ ๆ ก็หวนระลึกได้ว่า ทำไมเราไม่เข้าปฎิบัติธรรม ใจนึกหาบุญกุศลที่จะช่วยให้กำลังใจ ลูก ๆ ที่เตรียมตัวสอบเอนทรานซ์ และทั้งสองคนก็ได้เข้าเรียนคณะและมหาวิทยาลัยตามต้องการ เว้นไปอีกสองสามปี คราวนี้เข้าปฎิบัติเพื่อชักนำลูกสาว ลูกชาย ได้เข้าปฎิบัติด้วย โดยตั้งจิตอธิษฐานขอให้ลูกทั้งสองคนได้มีโอกาสเข้าปฎิบัติธรรม ครั้งแรกเป็นการขอร้องแกมบังคับ แต่ครั้งที่ 2-3-4-....เขาสมัครใจเข้าปฎิบัติเองและและสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้ แต่ก็แสวงหาพระอาจารย์เป็นพระภิกษุเนื่องจากคอร์สของคุณแม่ เป็นการปฎิบัติรวมกับผู้เข้าปฎิบัติกว่า 300 คน แต่คอร์สพระอาจารย์ ภิกษุเป็นคอร์สปฎิบัติเดี่ยวเข้มข้น นั่นเอง
เป็นโอกาสอันดีเป็นลาภประเสริฐ ที่พลอยโพยม ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์โยคีของคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ และได้มีโอกาสเป็นลูกคูณแม่ในทางธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น