...วันวาน ของบางกรูด...(15)
บางปะกง กลางดึก นั่งนึกภาพ
ท้องน้ำราบ ล้อจันทร์ ผ่องพรรณขาว
พระพายชาย พรายพริบ ระยิบพราว
ประดุจราว รินไหล ในวิมาน
ห้วงเวหา พร่าเลือน จวนเดือนดับ
จะเลยลับ ล่วงแล้ว แว่วขับขาน
เสียงดุเหว่า เว้าหา ทิวาวาร
เป็นสัญญาณ ผ่านลี้ ราตรีลา
พุ่มพฤกษา พาไหว รำไรแล้ว
หวานเจื้อยแจ้ว จับใจ จำเรียงร่า
ล่องลอยลม โลมเล้า สาลิกา
แสงอุษา ฟ้าสาง สว่างวัน
อโณทัย ไขขับ จับขอบฟ้า
สุริยา แย้มฉาย พรายเฉิดฉันท์
รวีรุ้ง เรืองไร เลื่อมร้อยพัน
สุริยัน เยือนหล้า ฟ้าตระการ
บางปะกง คงจำ ความล้ำลึก
ให้คอยนึก เนาเนื่อง เรื่องผันผ่าน
ครั้งวัยชื่น คืนเก่า เราเบิกบาน
สุขสำราญ บ้านสวน ชวนอาวรณ์
บางปะกง หลงทาง ช่างแห้งแล้ง
ล้วนเปลี่ยนแปลง ปีเดือน เหมือนหลอกหลอน
ขยะรก ลำน้ำ ดำตะกอน
วิถีก่อน ถอนเปลี่ยน มิเวียนมา
ไร้นาวา พาจร ในตอนเช้า
พระคุณเจ้า จากชล มองวนหา
ถนนตัด ลัดที่ มีรถรา
หิ่งห้อยพา สูญพันธุ์ เหมือนฝันไป
โอ้หิ่งห้อย พร้อยแสง แข่งเดือนมืด
จากน้ำจืด จนกร่อย ย้อยไสว
ต้นลำพู ดูพร่าง สว่างไฟ
กระพริบได้ ดุจดาว วาวประกาย
บางกรูดไม่ ใช้เพรียก เรียกหิ่งห้อย
แทนด้วยถ้อย ทิ้งถ่วง จนล่วงหาย
แมงทิ้งถ่อน ถ่วงดับ ดั่งเรียงราย
ตัดคำปลาย ย้ายต้น ขานปนกัน
ต้นลำพู พราวแสง แห่งหิ่งห้อย
ดอกหอมน้อย คอยรื่น คืนสวรรค์
เป็นฉิมพลี พลอดคู่ สมสู่พันธุ์
ปัจจุบัน นั้นเล่า น่าเศร้าใจ
ทุ่งนาเขียว ขจี มิมีแล้ว
บ่อปลาแนว แถวทุ่ง นากุ้งใหญ่
อันเพื่อนทุย ลุยนา ร้างราไกล
ไม่เหลือไว้ ให้ดู อยู่สักตัว
ส่วนเรือกสวน ล้วนหาย มลายสิ้น
พื้นแผ่นดิน ถิ่นไม้ ไร้ถ้วนทั่ว
อดีตจ้า แจ่มเจิด เกิดมืดมัว
หม่นสลัว รัวพร่า พาเรรวน
ญาติผู้ใหญ่ ยามนั้น พลันล่วงลับ
สุดคืนกลับ กลืนหาย ยากกลายหวน
ความทรงจำ พร่ำเขียน เวียนทบทวน
ทุกสิ่งล้วน ล้ำลึก ผนึกใน
"พลอยโพยม"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น