วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554
วิชาภาษาไทยของ พระยาศรีสุนทรโวหารว่าด้วยเรื่อง "สัตวาภิธาน"
วิชาภาษาไทยของ พระยาศรีสุนทรโวหารว่าด้วยเรื่อง "สัตวาภิธาน"
ตามฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๗๑
ข้าพเจ้าพระยาศรีสุนทรโวหาร ญาณปรีชามาตย์ บรมนาถนิตยภักดีพิริพาห คิดคำกลอนเรื่องนี้ สำหรับให้เด็กนักเรียนอ่าน คิดเสร็จ ณ วันพฤหัสบดี ขึ้นสิบห้าค่ำ เดิอนสิบ ปีวอก ฉศก พ.ศ. ๒๔๒๗ ลงพิมพ์ที่โรงพิมพ์สกูลพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวังในปีนั้นนั่นเอง
ประเภทสัตว์ในโลกมี ๔ ประเภท พหุบาท สัตว์มีเท้ามากเกิน ๔ ขึ้นไป เช่น ตะขาบ กิ้งกือ เป็นต้นอย่าง ๑ จัตุบาท สัตว์ ๔ เท้า ดุช ช้า งม้า โค กระบือ เป็นต้นอย่าง ๑ ทวิบาท สัตว์ ๒ เท้า คือ มนุษ แล เป็ด ไก่ นก เป็นต้นอย่าง ๑ อะบาทะกา สัตว์ไม่มีเท้า ดัง งูแลปลา เป็นต้นอย่าง ๑ แล้วแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ถะละขา สัตว์เกิดบนบกอย่าง ๑ ขะละขา สัตว์เกิดในน้ำอย่าง ๑ จัดอีก ๒ อย่าง สัตว์มีฟองมีไข่ และไม่มีฟอง ดังช้าง ม้า โต กระบือ จัดอีก ๒ อย่าง คือ มีปีกแขงแรง บินสูงบินไปไกล ๆ ได้ ๑ มีปีกบินได้เจี้ย ๆ ต่ำ ๆ อย่าง ๑ มีปีกบินไม่ได้อย่าง ๑ ฯ
ประเภทสัตว์มีเอนกอนันต์ หลายอย่างหลายพรรณมากนัก ในประเทศบ้านเมืองหนึ่ง ก็มีแปลกออกไปหลาย ๆ อย่าง ในป่าหนึ่งก็แปลกออกไปอย่างหนึ่ง ในลำแม่น้ำลำหนึ่งก็แปลกไปอย่างหนึ่ง เป็นเอนกวิจิตรมากนัก เหลือกำลังที่จะรู้จักให้ทั่วถึงทุกหมู่ทุกเหล่า ข้าพเจ้าขอชักนำมาเอาแต่ที่รู้จัก ชักมาผูกเป็นกลอนไว้สำหรับให้เด็ก ๆ อ่านเล่น ตามลำดับแม่ ก กา ไป เพื่อที่จะได้สอบอักษรที่เด็กเรียนอยู่นั้น เป็นของสำหรับเด็กแรกเล่าแรกเรียน แต่พอได้กว้างขวางในทางที่จะใช้อักษร ทั้งท่านหลายที่เป็นผู้ใหญ่รู้หนังสือแล้ว ก็จะบ่นว่าเบื่อหูเบื่อฟัง ไม่มีประโยชน์อะไร ก็ตามแต่จะคิดจะว่าเถิด ยอมให้ติให้ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนอยากจะคิดจะอ่านอะไร ๆ เล่นต่าง ๆ ตามชอบใจ คิดอะไรก็เก็บเอามาว่าเพ้อ ๆ ไป เมื่อท่านผู้ใดไม่ชอบก็รับทานอภัยเสียเทอญ ฯ
ท่านพระยาศรีสุนทร ขั้นต้นบทด้วย ...โคลง ๑ บท แล้วตามด้วยกาพย์ฉบัง ๑๖
ฉบัง ๑๖
@ สัตว์จำพวกหนึ่งสมญา พหุบาทา
มีเท้าเอนกนับหลาย
@ เท้าเกินกว่าสี่โดยหมาย สองพวกอภิปราย
สัตว์น้ำสัตว์บกบอกตรง
@ ตะบองพลำใหญ่ยง อยู่ในป่าดง
ตัวดุจ เรไร จักจั่นตะขาบไฟแดง
@ มีพิษมีฤทธิเรี่ยวแรง พบช้างกลางแปลง
เข้าปล้ำเข้ารัดกัดกิน
@ ตะขาบพรรณหนึ่งอยู่ดิน พรรณหนึ่งอยู่ถิ่น
สถานแลบ้านเรือนคน
@ ตะขาบไต่ซอนซอนซน กิ้งกือคลานวน
แมงมุมขยุ่มหลังคา
@ แมงป่องจ้องชูหางหา สิ่งใดจะมา
ปะทะก็จะจี้แทง
@ คัวแมงกะแท้กลิ่นแรง แมงสาบอีกแมง
กระชอนก็ชอบธรณี
@ แมงทับวาววับแวมสี ดังนิลมณี
แถมทองระรองเลืองฉาย
@ แมงค่อมคือแมงทับกลาย สีเลื่อมเหลืองพราย
แต่กายนั้นย่อมกว่ากัน
@ แมงไยโยงไยพัละวัน เป็นตาข่ายขัน
ขึงเพื่อดักสัตว์บินจร
@ แมงเม่าบินเข้าไฟฟอน ร้อยพันม้วยมรณ์
เพราะหมายว่าเภลิงเริงงาม
@ แมงวันแมงหวี่วู่วาม แมงคาเรืองยาม
ราตรีแลสีเรืองเรือง ...
มีแมงป่อง แมงดาสองพรรณ คือแมงดาอรรณพ แลแมงดานา แมงภู่ ตัวผึ้ง แตน ต่อ ตาปะขาว เต่าทอง แมงปอ หมาร่า เหลือบ ยุง บุ้ง ริ้น ร่าน ด้วงมะพร้าว ด้วงโสน ผีเสื้อ ตํ้กแตน ตัวเหนียง กิ้งกือ เรไร จักจั่้น แม่ม่าย มด ปลวก ปู กุ้ง ฯ
เป็นจำพวกสัตว์มีเท้ามาก
ต่อจากนั้นเป็นบทสัตว์สี่เท้า บนบก ในน้ำ ไล่ แม่ ก กา ..
สัตว์สองเท้า ไล่ แม่ ก กา..
สัตว์ไม่มีเท้าหรือสัตว์เลื้อยคลาน ไล่แม่ ก กา.......
วิชาภาษาไทยของ พระยาศรีสุนทรโวหาร นอกจากหลักภาษาไทยแล้ว ยังมี พันธุ์ไม้ พันธุ์ มะม่วง พันธุ์ทุเรียน พันธุ์สัตว์ ดังกล่าวมาเป็นสังเขป อีกข้างต้น
ป้ายกำกับ:
บทความ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น