วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สู่แดนพระพุทธองค์ ๘๔ พุทธวงศ์ ของพระพุทธองค์



ขอขอบคุณภาพวาดของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต


เมื่อพระพุทธองค์ตรัสเวสสันดรชาดกแล้ว พระญาติทั้งปวงสดับพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ถวายบังคมทำประทักษิณแล้วหลีกไป ไม่มีผู้ใดแม้แต่พระเจ้าสุทโธทนะ หรืออำมาตย์ ที่จะกราบทูลนิมนต์ไห้รับบิณฑบาตรเลย

วันที่สอง ที่พระพุทธองค์เสด็จนิวัติกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในกรุงกบิลพัสดุ์ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่

ขณะที่ทรงบิณฑบาตอยู่มหาชนโจษขานกันว่า ได้ข่าวว่า สิทธัตถกุมารผู้เป็นเจ้านายเที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว

พระนางพิมพาทรงทราบจึงเปิดหน้าต่างในปราสาทชั้นบนเพื่อจะทอดพระเนตรพระพุทธองค์

ทรงดำริ นัยว่า เมื่อพระพุทธองค์ยังทรงเป็นพระลูกเจ้าเสด็จเที่ยวไปในพระนครนี้แหละด้วยวอทอง เป็นต้น โดยราชานุภาพยิ่งใหญ่ มาบัดนี้ ปลงปมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ถือกระเบื้องเสด็จเที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว จะงามหรือหนอ จึงทรงเปิดพระแกลทอดพระเนตรดู

ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยังถนนในพระนครให้สว่าง ด้วยพระรัศมีแห่งพระสรีระอันเรืองรองด้วยแสงสีต่าง ๆ ไพโรจน์งดงามด้วยพุทธสิริอันหาอุปมามิได้ ประดับด้วยพระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ สดใสด้วยพระอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ ตามประชิดล้อมรอบด้วยพระรัศมีด้านละวา จึงทรงชมเชยตั้งแต่พระอุณหิส (ได้แก่ส่วนที่เลยหน้าผากไป) จนถึงพื้นพระบาท ด้วยคาถาชื่อว่านรสีหคาถา ๑๐ คาถามีอาทิอย่างนี้ว่า

พระผู้นรสีหะ มีพระเกสาเป็นลอนอ่อนดำสนิท มีพื้นพระนลาตปราศจากมลทินดุจพระอาทิตย์ มีพระนาสิกโค้งอ่อนยาวพอเหมาะ มีข่ายพระรัศมีแผ่ซ่านไป ดังนี้.

แล้วจึงเสด็จไปกราบทูลแด่พระเจ้าสุทโธทนะว่า พระโอรสของพระองค์เสด็จเที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว.


พระเจ้าสุทโธทนะสลดพระทัย เอาพระหัตถ์จัดผ้าสาฎกให้เรียบร้อยพลางรีบด่วนเสด็จออกรีบเสด็จดำเนินไป ประทับยืนเบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วตรัสว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงกระทำหม่อมฉันให้ได้อาย เพื่ออะไรจึงเสด็จเที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว ทำไมพระองค์จึงทรงกระทำความสำคัญว่า ภิกษุมีประมาณเท่านี้ไม่อาจได้ภัตตาหาร.

พระบรมศาสดาตรัสว่า
มหาบพิตร นี้เป็นการประพฤติตามวงศ์ของอาตมภาพ.

พระเจ้าสุทโธทนะตรัสว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชื่อว่าวงศ์ของเราทั้งหลายเป็นวงศ์กษัตริย์มหาสมมตราช ก็วงศ์กษัตริย์มหาสมมตราชนี้ ย่อมไม่มีกษัตริย์สักพระองค์เดียว ชื่อว่าผู้เที่ยวไปเพื่อภิกษา.

พระบรมศาสดาตรัสว่า
มหาบพิตร ชื่อว่าวงศ์กษัตริย์นี้ เป็นวงศ์ของพระองค์ ส่วนชื่อว่าพุทธวงศ์นี้ คือพระทีปังกร พระโกณฑัญญะฯลฯ พระกัสสปเป็นวงศ์ของอาตมภาพ ก็พระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านี้และอื่น ๆ นับได้หลายพัน ได้สำเร็จการเลี้ยงพระชนม์ชีพด้วยการเที่ยวภิกขาจารเท่านั้น

ทั้งที่ประทับยืนอยู่ในระหว่างถนนนั่นแล ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
บุคคลไม่ควรประมาทในก้อนข้าวที่ตนพึงลุกขึ้นยืนรับ พึงประพฤติธรรมให้สุจริต บุคคลผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ดังนี้.
ในเวลาจบพระคาถา พระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดาได้บรรลุโสดาปัตติผลในระหว่างถนนนั่นเอง




ขอขอบคุณภาพจาก http://www.dhammatalks.net/Articles/Life_of_the_Buddha_in_Pictures.htm

จากนั้นพระเจ้าสุทโธทนะทูลอาราธนาถวายภัตตาหารในพระราชนิเวศน์
ทรงแสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดา และพระน้านาง พระนางปชาบดีโคตมี ยังพระบิดาให้ดำรงอยู่ในพระสกทาคามี ยังพระน้านางให้บรรลุพระโสดาปัตติผล

วันที่สาม เสด็จไปเสวยภัตตาหารในพระราชนิเเวศน์อีก
ภายหลังภัต พระพุทธองค์ตรัสพระคาถาว่า
"บุคคลควรประพฤติธรรมให้สุจริต ผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า "

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี (ว.ป.วีรยุทฺโธ)
http://www.thammapedia.com/sankha/bhikkhuni_pachabadee.php
http://www.vichadham.com/buddha/yasotara.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น