วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

พระอานนท์ ๒๐




ขอขอบคุณภาพวาดของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต

พระอานนท์มีบทสนทนาธรรมกับพระสาวกอื่นและเทศน์โปรดพุทธบริษัทพราหมณ์และปริพาชก

เนื่องจากท่านเป็นพหูสูต เป็นธรรมภัณฑาคารก ท่านจึงได้เป็นที่ปรึกษาของเพื่อนภิกษุ อุบาสกและอุบาสิกา ตลอดจนพวกพราหมณ์ ปริพาชกนักบวชนอกพระศาสนา ดังจะได้ยกมาเป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้
(ภัณฑาคาร-โรงไว้ของ, คลังเก็บของ, ห้องเก็บของ)

เทศน์โปรดพระภัททะ สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์กับท่านพระภัททะ อาศัยอยู่ที่กุกกุฏารามใกล้เมืองปาฏลีบุตร
เย็นวันหนึ่ง ท่านพระภัททะออกจากที่พักผ่อน เข้าไปหาท่านพระอานนท์ เรียนถามท่านว่าพระพุทธเจ้าตรัสศีลที่เป็นกุศลไว้เพื่อประสงค์อะไร?
ท่านพระอานนท์กล่าวชมเชยท่านพระภัททะว่าเป็นคนช่างคิด ช่างถาม และได้ตอบว่า พระพุทธองค์ตรัสไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการเจริญสติปัฏฐาน ๔



ขอขอบคุณภาพจากwww.hdwallpapersinn.com

พระภัททชิเทศน์โปรดพระอานนท์

สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์พักอาศัยอยู่ที่โฆสิตาราม ใกล้เมืองโกสัมพีท่านพระภัททชิได้เข้าไปหาท่านถึงที่พัก
ท่านได้ถามท่านพระภัททชิว่า บรรดาการเห็นทั้งหลาย การเห็นชนิดไหนเป็นยอด บรรดาการได้ยินทังหลาย การได้ยินชนิดไหนเป็นยอด บรรดาสัญญาทั้งหลาย สัญญาชนิดไหนเป็นยอด บรรดาภพทั้งหลายภพชนิดไหนเป็นยอด
ท่านพระภัททชิตอบว่า เห็นพระพรหมชื่อว่าเป็นยอดของการเห็น
ได้ยินเสียงของเหล่าเทพอาภัสสระ ชื่อว่าเป็นยอดของการได้ยิน
ความสุขของเหล่าเทพสุภกิณหะ เป็นยอดของความสุข
การเข้าถึงอากิญจัญญายตนภพ เป็นยอดของสัญญาการเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภพ เป็นยอดของภพ


ขอขอบคุณภาพจากwww.fanpop.com

ท่านพระอานนท์กล่าวว่า คำตอบของท่านพระภัททชินี้ สมกับคำของชนส่วนมากเขากล่าวกัน
ท่านพระภัททชิจึงขอให้ท่านพระอานนท์อธิบายให้ฟัง
ท่านจึงกล่าวว่า การเห็นตามเป็นจริง เป็นยอดของการเห็น
ได้ยินตามเป็นจริง เป็นยอดของการได้ยิน
ได้สุขตามเป็นจริง เป็นยอดของสุข
สัญญาตามเป็นจริง เป็นยอดของสัญญา
เป็นอยู่ตามเป็นจริงเป็นยอดของภพ



ขอขอบคุณภาพจากwww.dingtwist.com

เทศน์โปรดคฤหบดี
สมัยหนึ่ง ขณะที่ท่านพักอาศัยอยู่ที่โฆสิตาราม ใกล้นครโกสัมพีโฆสิต คฤหบดีได้เข้าไปหาท่าน แล้วเรียนถามท่านเกี่ยวกับความแตกต่างแห่งธาตุที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง?

ท่านพระอานนท์ตอบว่าจักขุธาตุ โสตธาตุ ฆานธาตุ ชิวหาธาตุ กายธาตุ มโนธาตุ เป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา ทุกขเวทนา และอุเบกขาเวทนา



ขอขอบคุณภาพจากwaiting-for-wings.deviantart.com

เทศน์โปรดอุณณาภพราหมณ์

อีกสมัยหนึ่ง ขณะที่ท่านพระอานนท์พักอาศัยอยู่ที่โฆสิตารามใกล้นครโกสัมพี พราหมณ์คนหนึ่งชื่ออุณณาภะ ได้เข้าไปหาท่านถึงที่พัก แล้วเรียนถามท่านว่า ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระสมณโคดม เพื่อประโยชน์อะไร? ท่านตอบว่า เพื่อละฉันทะ อุณณาภพราหมณ์ถามต่อไปว่า ข้อปฏิบัติให้ละฉันทะมีด้วยหรือ? ท่านตอบว่า "มี" และอธิบายว่าวิธีละฉันทะนั้นต้องเจริญอิทธิบาท ๔ คือ ฉันทสมาธิและปธานสังวร วิริยสมาธิและปธานสังวร จิตตสมาธิและปธานสังวร วิมังสาสมาธิและปธานสังวร

อุณณาภพราหมณ์แย้งว่า จะเอาฉันทะไปละฉันทะได้อย่างไร? ท่านอธิบายว่า เหมือนกับอุณณาภะนี่แหละ เมื่อก่อนจะมาสู่อารามก็มีความพอใจ มีความเพียร มีความคิด มีความตรึกตรอง ว่าเราจะไปอาราม ครั้นไปถึงอารามแล้วความพอใจก็ระงับไปความเพียรก็ระงับไปความคิดก็ระงับไป ความตรึกตรองก็ระงับไป ข้อนี้เปรียบเหมือนกับภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพอยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ในเบื้องต้นก็มีความพอใจ ความเพียร ความคิด ความตรึกตรองเพื่อให้บรรลุอรหันต์ ครั้นบรรลุอรหันต์แล้ว ความพอใจ ความเพียร ความคิด ความตรึกตรองก็ระงับไป
พอท่านกล่าวจบ ท่านอุณณาภ พราหมณ์มีความพอใจมากกล่าวคำชมเชย และขอแสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิต


ขอขอบคุณภาพจากwww.lakeviewkakadu.com.au

เทศน์โปรดสาวกของอาชีวก
ครั้งหนึ่ง ขณะที่ท่านพักอาศัยอยู่ที่โฆสิตาราม ใกล้นครโกสัมพีสาวกของอาชีวกคนหนึ่งเข้าไปหาท่าน ไหว้แล้วถามท่านว่า คนพวกไหนได้กล่าวธรรมไว้ดีแล้ว คนพวกไหนได้ปฏิบัติธรรมดีแล้ว คนพวกไหนดำเนินไปดีแล้วในโลก ท่านตอบว่า คนพวกใดก็ตามแสดงธรรมเพื่อละราคะ โทสะ โมหะ คนพวกนั้น ชื่อว่า กล่าวธรรมไว้ดีแล้ว คนพวกใดปฏิบัติธรรมเพื่อละ ราคา โทสะ โมหะ คนพวกนั้นชื่อว่าปฏิบัติธรรมดีแล้ว คนพวกใดละ ราคะ โทสะ โมหะ ได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้ไม่มีที่ตั้งดุจตาลยอดด้วน คนพวกนั้นชื่อว่าดำเนินไปดีแล้วในโลก

ท่านสาวกอาชีวกคนนั้นพอใจธรรมนี้มาก ได้กล่าวว่าท่านพระอานนท์ กล่าวธรรมไม่ยกธรรมของตน ไม่รุกรานธรรมของผู้อื่นเป็นการเทศนาเฉพาะเหตุผล ไม่ได้นำตนเข้าไป กล่าวแต่เนื้อ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-anon-02.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น