วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554
[บทความ] น้ำใจคนไทยในวิกฤติภัย...
ได้ชมรายการที่คุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ กับมูลนิธิ ที่ออกไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้ว อดไม่ได้ที่ต้องนำมาเล่าต่อ (เป็นการเล่าผสมกับรายการอื่น ๆ ที่เคยชมในรายการอื่น ๆ มาก่อนด้วย) มีเรื่องของอันตรายของผู้ประสบภัยนอกจากน้ำที่ท่วมแล้ว ยังมีสัตว์ร้ายที่เดือดร้อนหลบภัยน้ำท่วมเช่นกันเช่น งูหลายชนิด ตะขาบ กระแสไฟฟ้าดูด (รวมทั้งบางท้องที่มีจระเข้หลุดอออกมาจากบ่อเลี้ยง) รวมทั้งจิตใจที่คับแคบของผู้ที่่ร่วมชะตากรรม ที่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ฟังแล้วก็สะท้อนใจ เช่นโลภเก็บของบริจาคที่ช่วยในการยังชีพ รับแล้วรับอีกไม่นึกถึงคนอื่นที่ยังไม่ได้รับบริจาค โจรใจบาปหยาบช้า ( ประตูนรกเปิดรอรับโจรพวกนี้อยู่) ที่ซ้ำเติมผู้ประสบภัยลักโขมยทรัพย์สินถึงขั้นเจาะกำแพงบ้านผู้ประสบภัย เพื่อเข้าไปโขมยทรัพย์สิน ที่หมู่บ้านชลลดา
แม้ว่าข่าวส่วนใหญ่เป็นภาพของความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ของพี่น้องชาวไทย ทั้งการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของชาวบ้านละแวกเดียวกัน ความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง ก..ท.ม. ทหาร มูลนิธิต่าง ๆ กลุ่มจิตอาสา อาสาสมัครต่างๆ ยังมีภาพเรือสปีทโบีตจากผู้มีน้ำใจชาวชลบุรี ( ถ้าจำไม่ผิด คือชาวบางแสน ) แต่ไปช่วยได้แค่ 2 วัน ก็ต้องถอยกลับ เพราะเกิดกระทบกระทั่งกับเจ้าของเรือในท้องที่ที่ไม่พอใจกับบริการฟรีของผุู้มีน้ำใจไปช่วยเหลือ (รายการนี้สะเทือนใจสุดๆ ) การเดินทางไกลมาจากชาวสุราษฏร์ธานี ที่ตั้งใจมาตอบตอบแทนบุญคุณที่ชาวภาคกลางเคยไปช่วยเหลือ คราวที่ภาคใต้เกิดสึนามิ ความขัดแย้ง จากการรื้อกระสอบทราย ทำลายคันกั้นน้ำของผู้ขาดสติไม่คิดให้รอบคอบทำให้เกิดความเสียหายในส่วนรวม ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขาเองก็ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
โดยภาพรวมรู้สึกชื่นชมและตื้นตันใจในน้ำใจคนไทยที่ไม่ทอดทิ้งกันพยายามให้ความช่วยเหลือคนทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัส ภาพสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของ ส่วนความรู้สึกไม่ดีกับความขัดแย้ง มีเพียงนาน ๆ ครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้คิดถึงอันตรายต่าง ๆ นา นา ของบรรดา ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ รวมทั้งอันตรายจากผู้ที่กำลังรับความช่วยเหลืออยู่ในขณะนั้นว่า มีโอกาสที่ทั้งคนช่วยและผู้ถูกช่วยจะพลัดตกบันไดในระหว่างพาลงบันไดจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง การหามผู้ประสบภัยด้วยคนหลาย ๆ คน หากมีคนล้มลงเพียง 1 คน ก็จะล้มทั้งกลุ่ม จมน้ำหน้าคว่ำ โอกาสที่เรือจะล่มได้ทุกขณะ โอกาสของผู้เข้าไปช่วยเหลือจะถูกไฟดูด เพราะไม่รู้สภาพภายในของแต่ละบ้านที่เช้าไป หรือแม้แต่เจ้าของบ้านเองหากมีไฟรั่วโดยไม่รู้ตัว บรรดาผู้ประสบภัยเดินท่องน้ำออกมาต้องเหยียบเศษแก้ว ของมีคมอื่น ๆ (อันที่จริงมีรองเท้าสำหรับใช้ย่ำน้ำขาย มี 2 แบบ คือเป็นรองเท้ายางที่ผูกรัดได้ที่หน้าแข้ง และรองเท้าผ้าใบ ที่ฉะเชิงเทราเรียกกันว่ารองเท้านินจา ใช้งานสำหรับบ่อดินเลี้ยงสัตว์น้ำ)
เพื่อนผู้เขียนเล่าว่าเฉพาะเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ที่ละแวกบ้านที่คลองสาม ปทุมธานี มีเจ้าของบ้านเอง ถูกไฟดูด เสียชีวิต 3 คน จากการย้อนกลับเข้าไปในแต่ละบ้านของตน และคุณบิณฑ์ ได้ไปพบเห็นชาวบ้านที่ถูกงูเหลือมกัดที่ใบหน้า เพราะชาวบ้านคนนั้นเปิดกรงไก่เพื่อช่วยเหลือไก่ที่ถูกงูเหลือมรัดอยู่ ซึ่งผู้เขียนไม่เคยได้ยินเรื่องงูเหลือมกัดคนมาก่อน งูเหลือมจะใช้การรัดเหยื่อให้หมดแรงก่อนการเขมือบ ชาวบ้านผู้โชคร้ายคนนี้ถูกกัดที่ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยฟันของงูเหลือม ใบหน้าเละ และบวมบานเบ้อเร้อ มาก่อนหน้าที่คุณบิณฑ์ เข้าไปพบ และพบว่ามีชาวบ้านหลายที่หลายแห่งที่ถูกงูกัด ซึ่งส่วนใหญ่ ชาวบ้านก็จะช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นคือใช้ผ้ารัดเหนือแผลไว้ และคอยระวังไม่ให้คนถูกงูกัด หลับ ต้องคอยปลุกให้รู้สึกตัวไว้ตลอดเวลา
ผู้เขียนเคยได้ยินภูมิปัญญาคนโบราณมีวิธีทดสอบ ว่า คนที่ถูกงูกัดโดยไม่รู้ว่าเป็นงูอะไรนั้น สามารถเช็คสอบได้ว่า เป็นงูมีพิษหรือเปล่า แต่ไม่มั่นใจที่จะเล่าในคราวนี้ขอไปสอบถามผู้รู้มาเล่าใหม่
อีกด้านหนึ่งที่น่าชื่นชมกับภูมิปัญญาชาวบ้านมากมายที่เกิดความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์อย่างฉับพลัน เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เกิดจากจิตใจที่แข็งแกร่งไม่พ่ายแพ้ต่อความอับจนหนทาง เช่น การทำชูชีพจากขวดน้ำพลาสติค การทำแพล่องน้ำหลากหลายรูปแบบตามแต่จะหาวัสดุใกล้ตัวได้ การทำส่้วมไว้ขับถ่าย ฯลฯ และยังมีเรื่องการช่วยเหลือผู้ถูกไฟดูดซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนจาก คุณบิณฑ์
คุณบิณฑ์บอกว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณ คือเมื่อดึงคนถูกไฟฟ้าดูดออกมาได้แล้ว (ด้วยวิธีการดึงที่ปลอดภัยสำหรับผู้เข้าไปช่วยผู้เถูกไฟดููดออกมา) จับผู้ถูกไฟดูด นอนคว่ำหน้ากับแผ่นสีงกะสี แล้วใช้น้ำราดที่ตัวบุคคล กระแสไฟที่สะสมในตัวคนจะถูกถ่ายเทลงไปที่แผ่นสังกะสี หากไม่มีแผ่นสังกะสี ก็ให้ใช้ทรายโรยลงไปบนตัวของผู้ถูกไฟดูุด แล้วใช้น้ำราดลงบนตัวคน ทรายก็จะดูดดกระแสไฟฟ้าออกจากตัวคนได้ แล้วจึงค่อยปฐมพยาบาลขั้นต่อไป การเข้าไปในบ้านที่น้ำท่วม ผู้อื่นจะไม่อาจรู้ได้เลยว่า มีปลั๊กไฟที่จมน้ำอยู่ที่ตรงใดบ้างและเจ้าของบ้านได้สับคัทเอาท์ ก่อนออกจากบ้านไปหรือไม่ ก็มีคำแนะนำให้ถือท่อนไม้แห้งขนาดยาว เป็นอุปกรณ์ในการเช็คสอบกระแสไฟ
ยังมีรายการที่เรือไม่พอใช้งาน กรมอุทยานก็ต่อแพไม้ไผ่มาช่วยผู้ประสบภัย มีผู้คิดค้นวิธีการการกรองน้ำสำหรับดื่ม และ มีการแนะนำทำน้ำให้สะอาดด้วยสารส้มและคลอรีนน้ำ สำหรับไว้ใช้อาบและอื่น ๆ ยกเว้นการดื่มน้ำนี้
และจากความคิดที่มีการนำพลาสติกมาหุ้มรถยนต์ (ซึ่งทำไว้ขาย) ก็ทำให้ผู้คนเกิดความคิด นำพลาสติกมาหุ้มห่อเฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้อื่นๆ เช่น ตู้เย็น โต๊ะ โซฟา หรืออื่น ๆ ที่เป็นของชิ้นใหญ่ ๆ ไม่สามารถยกขึ้นหนีน้ำท่วมในขณะเตรียมการย่้ายสิ่งของในบ้าน ที่ฉะเชิงเทราเคยเป็นแหล่งที่มีฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตวฺ์น้ำมากมาย ดังนั้นจึงเป้นแหล่งที่มีพลาสติกผืนใหญ่ขนาดหน้ากว้างถึง 4-5 เมตร สำหรับใช้ในโรงเพาะฟัก ซึ่งพอเดินเข้าไปในร้านที่ขายพลาสติก คนขายก็จะถามว่า จะเอาไปหุ้มอะไรและก็แนะนำวิธีให้เสร็จ ของบางอย่าง ก็ต้องห่อหุ้มรวบผูกปากบนแบบห่อของขวัญ หากความกว้างไม่พอก็ต้องใช้เทปกาวผ้าต่อผืนพลาสติก เป็นต้น รายการยอดฮิตที่ร้านบอกว่าซื้อไปเพื่อหุ้มห่อตู้เย็นมีมากที่สุด
(จากน้ำท่วมคราวนี้ ผู้คนคงเลิกนิยมซื้อตู้เย็นใบใหญ่ 2-3 ประตู นอกจากจะมีน้ำหนักมากแล้ว ก็เอาขึ้นชั้นบนไม่ได้ ไม่ว่าจะเอียงมุมไหน)
และหากมีผื่นคันที่ผิวหนังหากไม่มี คาลาไมล์หรือยาหม่อง คนที่บ้านของผู้เขียน มักใช้ยาสีฟันละเลงทาที่ผิวหนัง นอกจากจะเกิดอาการเย็นที่ผิวหนังส่วนนั้นแล้วยังหายคันได้ด้วย ยาสีฟันนี้ยังสามารถใช้ทุเลาความร้อนถูกความร้อนลวกผิวหนังได้อีกด้วย
และขอเล่ารายการส่วนตัว สักเล็กน้อย
บุตรสาวของผู้เขียนทำงานที่กรมประมงเล่าว่า การที่มีจระเข้หลุดออกมาเพ่นพ่านในลำน้ำอย่างนี้ เป็นหน้าที่ของกรมประมงที่ต้องไปไล่ล่าจับตัวจระเข้มาให้ได้ ผู้เขียนเลยถามว่ากรมประมงมีการฝึกซ้อมวิธีการจับจระเข้ด้วยหรือ เขาสั่นหน้าบอกว่า ไม่มีหรอก ผู้เขียนอ้าปากค้างว่า อ้าวแล้วเมื่อได้รับคำสั่งแล้วกล้าออกไปปฏิบัติงานอย่างนี้ด้วยหรือ คำตอบของชาวมีนกรสาวก็คือ ก็ต้องไปจับซีแม่ มันเป็นหน้าที่ถ้าคนของกรมประมงไม่ทำหน้าที่แล้วจะให้ใครทำ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของกรมประมง ก็มีพร้อมทุก ๆ ที่มีมีศูนย์หรือสถานีประมง ไม่เคยจับมาก่อนถึงเวลาก็ทำได้เอง เพราะไปกันหลายคน ทำให้นึกถึงการที่กรมประมง จับปลาบึก พะยูน หรืออื่น ๆ ที่ตัวใหญ่ ๆ แต่ว่าไม่น่ากลัวแบบจับจระเข้แน่นอน ดังนั้นผู้จะเข้ารับราชการที่กรมประมง คงต้องเป็น ไกรทอง กันได้ทุกคน ตามวาระโอกาส แม้จะไม่มี อาคมขมังเวทย์หรือหอกสัตตโลหะ ไว้สยบจระเข้ และต้องจับเป็น ดังนั้นยุทธวิธีที่จะนำมากำราบจับจระเข้ ก็คงมีหลากหลายวิธีด้วยกัน คงต้องใช้ความสาามารถเฉพาะตัว และจิตใจที่ห้าวหาญ ของกลุ่มคนที่ออกร่วมปฏิบัติการเฉพาะกิจนี้
ดังนั้นหากว่าเกิดความเร่งด่วน ในขณะที่วันนี้ในกองน้ำจืดไม่มีใครอื่นเพราะเขาไปทำภาระกิจอื่นกันหมดแล้ว เมื่อได้คำสั่งว่าต้องออกไปจับจระเข้ ก็อาจเป็นตัวคุณ ที่ต้องเป็นหนึ่งในทีมออกไปจับจระเข้ แต่อย่างไรเสีย ผู้เขียนก็หวังว่าคงไม่ถึงกับต้องใช้ หมอจระเข้สาวออกปฎิบัติงาน ถามเขาว่า คนที่ต้องไปทำหน้าที่นี้ไม่กลัวหรือ คำตอบคือ ก็คงกลัวเหมือนกันมั้ง แต่มันเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบ คำว่าเป็นหน้าที่น่ะแม่ เข้าใจไหม คนฟังก็เข้าใจอยู่บ้างเหมือนกัน เข้าใจแบบหวาด ๆ แต่คนพูดดูเขาพูดแบบปกติเหมือนกับว่าวันนี้ต้องออกไปเก็บตัวอย่างน้ำเอามาวิเคราะห์ประมาณ นั้น (ซึ่งคณะออกเก็บตัวอย่าง ก็เคยเจอเหตุการณ์ที่พบงูที่หนีน้ำมาอยู่บนต้นไม้บ้างเหมือนกัน)
ยังดีที่จระเข้ที่หลุดออกมานี้ เป็นจระเข้ธรรมดา มิใช่พญาชาละวัน ตัวไม่ใหญ่นัก อายุยังน้อย และเป็นจระเข้เลี้ยงที่ไม่เคยออกมาผาดโยนในยุทธจักรลำน้ำธรรมชาติ ต้องใช้คำว่าเป็นจระเข้ด้อยประสบการณ์ จึงไม่เป็นเรื่องยากของบรรดาไกรทอง ทั้งหลายในยุคนี้ แต่อย่างไรเสียสัญชาตญาณของจระเข้ก็มีอยู่ในตัวจระเข้ทุกตัว แน่นอน
ทำให่้นึกถึงในวัยเด็ก แค่ข่าวลือว่ามีจระเข้มาอยู่ในแม่น้ำบางปะกง แค่หย่อนเท้าเหยียบบันไดท่าน้ำยังอกสั่นขวัญหาย พายเรือข้ามแม่น้ำ ก็ระทึกใจ ใจเต้นตูมตามไปตลอดทาง ว่าถ้าจระเข้ว่ายมาใต้ท้องเรือของเราหนุนเรือจนล่ม จะทำไงดีกันละหนอ แต่ก็ไม่เคยมีปรากฎการณ์นี้สักครั้งเดียวในกาลก่อนโน้น
เมื่อกล่าวถึงไกรทองและชาลวันแล้วก็ขอนำภาพสวย ๆ ของ ตะเภาทองมาฝาก
นางตะเภาทองในเรื่องไกรทอง
นางตะเภาทอง
ป้ายกำกับ:
บทความ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น