วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

นครกุสินารา ๓๐ ปุกกุสมัลลบุตร

 ขอย้อนหลังก่อนการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระพุทธองค์
ปุกกุสมัลลบุตร





 ปุกกุสมัลลบุตร เป็นสาวกของอาฬารดาบสกาลามโคตร  เดินทางจ่กกุสินาราจะไปเมืองปาวา เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งที่โคนไม้ จึงเข้าไปถวายบังคม แล้วกราบทูลว่า

" น่าอัศจรรย์ครั้งหนึ่ง อาฬารดาบสนั่งอยู่ที่โคนไม้เหมือนพระองค์นี้  ขณะนั้นกองเกวียนมากมายผ่านไป เมื่อขบวนเกวียนผ่านไปแล้ว บุรุษผู้หนึ่งถามว่า ท่านเห็นขบวนเกวียนผ่านไปหรือไม่ อาฬารดาบสตอบว่าไม่เห็น และไม่ได้ยินเสียง บุรุษนั้นถามว่า ท่านหลับหรือ อาฬารดาบสตอบว่า เราไม่ได้หลับ บุรุษนั้นแปลกใจว่า  ในเมื่อยังตื่นอยู่ เหตุใดจึงไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียง "



พระพุทธองค์ตรัสว่า
"เธอจงเปรียบเทียบกับเรื่องที่เราจะเล่าให้ฟัง"
 "ในกาลครั้งหนึ่งเราพำนักอยู่ที่โรงกระเดื่องในเมืองอาตุมา  (บางตำรากล่าวว่าโรงทอผ้า)  ขณะนั้นฝนตกหนัก ฟ้าผ่าลงมาถูกชาวนาสองพี่น้องถึงแก่ชีวิต พร้อมทั้งโคอีก ๔ ตัว เมื่อฝนหายแล้ว ฝูงชนพสกันมายังที่เกิดเหตุ เราออกไปถามเขาว่า พวกเธอมาดูอะไร พวกนั้นย้อนถามเราว่า  ท่านอยู่ที่ไหนจึงไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เราตอบว่า เราอยู่ตรงนี้แหละ

ชนเหล่านั้นถามว่า พระองค์ได้เห็นอะไรหรือ
เราตอบว่า เราไม่ได้เห็น
พระองค์ได้ยินอะไรหรือ
เราตอบว่า เราไม่ได้ยิน
พระองค์หลับหรือ
เราตอบว่า มิได้หลับ

ชนเหล่านั้นถามต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นเมื่อฝนกำลังตก ตกอย่างหนัก ฟ้าแลบอยู่ ฟ้าผ่าอยู่  เหตุ"ฉนจึงไม่เห็น จึงไม่ได้ยิน ทั้งที่ยังตื่นอยู่  ชนเหล่านั้นคิดว่าน่าอัศจรรย์  บรรพชิตย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมอันสงบเช่นนี้เอง "
พระศาสดา ตรัสถามปุกกุสะว่า
"ระหว่างเรื่องของอาจารย์ เธอกับเรื่องของเรา  อย่างไหนทำได้ยากกว่ากัน"
ปุกกุสะทูลตอบว่า
"กรณีของพระองค์ทำได้ยากกว่า พระเจ้าข้า ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก บรรพชิตย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมอันสงบเช่นนี้เอง"



 ปุกกุสกุลบุตร บังเกิดความเลื่อมใสในพระศาสดา ขอแสดงตนเป็นอุบาสกผู้ถึงรัตนตรัยชั่วชีวิต แล้วน้อมถวายคู่ผ้าทรงเนื้อเกลี้ยง มีสีดังทองสิงคีแด่พระศาสดา

พระพุทธองค์รับสั่งว่า
เธอให้เราครองผืนหนึ่ง ให้อานนท์ครองผืนหนึ่ง แล้วยังปุกกุสมัลลบุตรให้เห็นแจ้งในสมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา ปุกกุสะถวายบังคมแล้วออกเดินทางต่อไป

เมื่อปุกกุสมัลลบุตรหลีกไปแล้วไม่นาน พระอานนท์ได้น้อมผ้านั้นเข้าไปทาบพระวรกายของพระพุทธองค์ กราบทูลว่า
"น่าอัศจรรย์พระฉวีวรรณของพระตถาคตบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งนัก  ผ้านี้เมื่อทาบพระวรกายแล้ว ย่อมปรากฎดังถ่านไฟที่ปราศจากเปลว ฉะนั้น

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

"อานนท์ ในกาลทั้งสอง กายของตถาคตย่อมบริสุทธิ์ ฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งคือ
ราตรีที่ตถาคต ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ๑
ราตรีที่ตถาคต ปรินิพพานด้วย อนุปาทิเลสนิพพาน ๑
อานนท์ ในปัจฉิมยามแห่งราตรีนี้ ตถาคตจักปรินิพพาน ระหว่าไม้สาละทั้งคู่ในสาลวันแห่งมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา มาเถิดอานนท์ เราจักไปยัง กกุธานที



ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ"พระพุทธกิจ ๔๕ พรรษา" เรียบเรียงโดย คุณสุรีย์ และเรือโท วิเชียร มีผลกิจ


สิงคี  (มค. สิงฺคีสก. ศฤงฺคี) น. สัตว์มีเขา, วัว, ควาย
ชื่อปลาชนิดหนึ่ง
ทองคำ
ชื่อผักชนิดหนึ่ง.
ขอขอบคุณคำแปลสิงคีจาก(http://dictionary.sanook.com/search/สิงคี




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น