วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

นครกุสินารา ๑๘ การปรินิพพาน





ในพระพุทธประวัติกล่าวตำนานการปรินิพพานของพระพุทธองค์ว่า

เมื่อพระพุทธองค์ประทานพระโอวาทเป็นวาระสุดท้ายแล้ว หลังจากนั้นมิได้ตรัสอะไรอีกเลย ทรงทำปรินิพพานบริกรรมด้วยอนุปุพพวิหารสมาบัติทั้ ๘   โดยลำดับคือ

ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌาน
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌาน
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌาน
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุถฌาน

เมื่อครบรูปาวจร สมาบัติ ๔ ตามลำดับแล้ว


ขแขอบคุณภาพจาก
ทรงเข้าอรูปาวจร สมาบัติ ๔ สืบต่อ คือ

ทรงเข้าอากาสานัญจายตนฌาน ออกจากอากาสานัญจายตนฌาน
ทรงเข้าวิญญาณัญจาตนฌาน ออกจากวิญญาณัญจายตนฌาน
ทรงเข้าอากิญจัญญายตนฌาน ออกจากอากิญจัญญายตนฌาน
ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ทรงออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติที่ ๙

สัญญาเวทยิตนิโรธนี้ มีอาการดับจิตสังขาร ดับทั้งสัญญา (ความจำหมาย) และเวทนา (ความรู้สึก) ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ลมหายใจเข้าออกก็หยุดนิ่ง สงบยิ่งกว่านอนหลับ ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับสมาบัติชั้นนี้ อาจเข้าใจผิดคิดว่าตายแล้ว เพราะฉะนั้น พระอานนทเถระ ขณะนั่งเฝ้าดูพระอาการอยู่ตลอดเวลา เข้าใจว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว จึงเรียนถามพระอนุรุทธะ ผู้เขี่ยวชาญในการเข้าสมาบัติ ก็รู้ว่าพระบรมศาสดายังไม่ปรินิพพาน ขณะนี้พระบรมศาสดากำลังอยู่ในสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ


ขอขอบคุณภาพจากwww.dmc.tv

เมื่อพระพุทธองค์เสด็จอยู่ในสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ตามเวลาที่ทรงกำหนดแล้ว เสด็จถอยกลับเข้าสู่เนวสัญญาสัญญษยตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน โดยลำดับจนถึงปฐมฌาน

ต่อจากนั้นทรงออกจากปฐมฌาน เข้าสู่ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน เมื่อเสด็จออกจากจตุตถฌาน แล้วเสด็จปรินิพพาน ฌ ปัจฉิมยามแห่งราตรีวิสาขปูรณมี ดิถีเพ็ญเดือนหก


ขณะนั้นเกิดแผ่นดินไหวและมีหลายท่านกล่าวธรรมภาษิต ความโศกสลดเกิดขึ้นแก่พระภิกษุที่ยังมีราคะกิเลศอยู่ และธรรมสังเวชเกิดแก่พระภิกษุผู้ปราศจากราคะแล้วในราตรีนั้น
พระอนุรุทธะและพระอานนท์ พร้อมด้วยท้าวสหัมบดีพรหม ท้าวสักกะ ร่วมกันปรารภธรรมเป็นอนุสสติ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล โดยพระราชรัตนรังษี (ว.ป.วีรยุทฺโธ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น